นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.10 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ปิดตลาดช่วงเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 35.17 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทแข็งค่าเทียบท้ายตลาด เนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 ก.ค.) ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ออกมา ต่ำกว่าคาด ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงิน
"มองว่าบาทจะแข็งค่าในระดับที่จำกัด เพราะถึงแม้ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ จะออกมาต่ำกว่าคาด แต่ตัวเลขค่าจ้างยังถือ ว่าแข็งแกร่งอยู่" นักบริหารเงิน กล่าว
สำหรับปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ความคืบหน้าทางการเมืองไทย ที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวัน ที่ 13 ก.ค.นี้
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 35.00 - 35.30 บาท/ดอลลาร์
SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 35.18125 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 142.62 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 143.09 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0960 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0887 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 35.248 บาท/ดอลลาร์
- กระทรวงการคลัง ประเมินงบประมาณปี 67 ล่าช้า 6 เดือน กระทบงบลงทุนโค้งสุดท้ายปีนี้ และไตรมาสแรกปีหน้า ลดลง
- จับตา 13 ก.ค.66 นัดหมายโหวตเลือกผู้ดำรงตำแหน่ง "นายกรัฐมนตรี" คนที่ 30 ของประเทศไทย ภายหลัง
- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (7 ก.ค.)
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (7 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานสหรัฐที่เพิ่มขึ้น
- กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่งต่ำกว่าที่
- ราคาบิตคอยน์ร่วงลงกว่า 100 ดอลลาร์ในช่วงเช้านี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจากช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่อง
- นักวิเคราะห์จาก Academy Securities คาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้มีการเปิดเผยตัว
- สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ทรงตัวในเดือนมิ.
- นักลงทุนในตลาดการเงิน จับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันพุธที่ 12 ก.ค.กระทรวงแรง
- คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) ประกาศลดค่าธรรมเนียมการจัดการ (management
fees) และค่าธรรมเนียมการรับฝากสินทรัพย์ (custodian fee) ของกองทุนรวมหุ้น (stock mutual fund) ลงสู่ระดับ 1.2%
และ 0.2% ตามลำดับ