นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ แถลงดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน ก.ค.66 อยู่ที่ระดับ 53.65 ปรับลดลง 12.06 จุด หรือ 18.36% เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.66 ที่ระดับ 65.71 จุด โดยมีปัจจัยมาจากความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น การแข็งค่าของเงินบาท และปริมาณความต้องการทองคำที่ลดลง
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำระยะ 3 เดือน ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 อยู่ที่ระดับ 51.02 จุด ปรับลดลง 11.68 จุด หรือ 18.63% จากไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 ที่ระดับ 62.70 จุด โดยมีปัจจัยมาจากการแข็งค่าของเงินบาท ความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อในสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลาย ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ และแรงขายเก็งกำไรของกองทุน
ส่วนคาดการณ์ความต้องการซื้อทองคำในช่วงเดือน ก.ค.66 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 302 ราย ในจำนวนนี้มี 150 ราย หรือ 50% ซื้อทองคำ ส่วนอีกจำนวน 110 ราย หรือ 36% ไม่ซื้อทองคำ และจำนวน 42 ราย หรือ 14% ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำในเดือนนี้หรือไม่
กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่ และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำจำนวน 13 ราย ในจำนวนนี้มี 7 ราย หรือ 54% เชื่อว่าราคาทองคำในเดือน ก.ค.66 จะลดลง ส่วนจำนวน 4 ราย หรือ 31% คาดว่าจะใกล้เคียงกับราคาทองคำในเดือน มิ.ย. และจำนวน 2 ราย หรือ 15% คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
สำหรับการคาดการณ์กรอบราคาทองคำในเดือน ก.ค.66 ของผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่ มีมุมมอง ดังนี้ Gold Spot ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 1,867-1,969 ดอลลาร์/ออนซ์ ด้านราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 31,550-32,550 บาท/บาททองคำ และด้านค่าเงินบาทให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 34.26-35.78 บาท/ดอลลาร์
คำแนะนำการลงทุนทองคำในเดือน ก.ค.66 ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ให้ความเห็นว่า แนวโน้มราคาทองอาจแกว่งตัวออกด้านข้างในกรอบ ทั้งนี้ หากราคาทองคำสามารถยืนอยู่เหนือแนวรับได้ คาดว่าราคาทองน่าจะกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านได้อีกครั้ง แต่หากไม่สามารถเคลื่อนไหวไปในทิศทางเชิงบวกได้ อาจจะชะลอการเข้าซื้อเพื่อรอดูการสร้างฐานของราคาทอง นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ที่อาจจะส่งผลต่อราคาทองคำ เช่น การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) และสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน