นายมงคล พิพัฒสัตยานุวงศ์ นายกสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ เปิดเผยถึงปัจจัยที่ส่งผลกระทบให้ต้นทุนการผลิตไข่ไก่สูงขึ้น โดยล่าสุดอยู่ที่ฟองละ 3.75 บาท ขณะที่ราคาขายไข่ไก่คละหน้าฟาร์มไม่ขยับ ขายได้เพียงฟองละ 3.80 บาท มาหลายสัปดาห์ ส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ประสบภาวะขาดทุน จนทยอยเลิกเลี้ยงไปหลายราย
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญคือวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซึ่งมีราคาพุ่งขึ้นอย่างมาก และต่อเนื่องมาตั้งแต่สงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้วัตถุดิบขาดแคลนและการขนส่งยากลำบาก จนถึงขณะนี้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง และธัญพืชอื่นๆ ยังอยู่ในเกณฑ์สูง โดยวัตถุดิบอาหารสัตว์ ถือเป็นต้นทุนหลักราว 60-70% ของต้นทุน
ปัจจัยต่อมา ได้แก่ สภาวะเอลนีโญ หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ที่กำลังส่งผลต่อธัญพืชต่างๆ ทั่วโลก ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตลดลง เกิดการแย่งชิงทรัพยากรกันมากขึ้น และสะท้อนให้เห็นแนวโน้มราคาพืช และวัตถุดิบอาหารสัตว์ในอนาคต ที่จะอยู่ในเกณฑ์สูงต่อเนื่องไปตลอดทั้งปีแน่นอน
ขณะเดียวกัน ตันทุนค่าไฟฟ้าก็สูงขึ้นมากจากอัตราค่าไฟที่สูงขึ้น ยิ่งในช่วงที่ผ่านมาอากาศร้อนอบอ้าว จนต้องใช้ไฟฟ้าในการเปิดพัดลมระบายความร้อนมากขึ้น ดังนั้น จึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ดันต้นทุนการผลิตไข่ไก่ให้สูงขึ้นไม่น้อย รวมถึงค่าจ้างแรงงานที่ขยับขึ้นจากการหาแรงงานยากขึ้นด้วย
"ปัจจัยทั้งหมด ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่อยู่อย่างยากลำบาก ราคาประกาศไข่คละที่ 3.80 บาท ตอนที่ขายจริงก็ไม่ใช่ว่าจะขายทุกฟองได้ในราคาประกาศ จึงกลายเป็นขาดทุนสะสมให้เกษตรกรทยอยเลิกเลี้ยงไป ทางที่ดีควรปล่อยให้กลไกตลาดทำงาน เมื่อราคาไข่ไก่ขยับตามอุปสงค์อุปทานที่เกิดขึ้น จะทำให้ทั้งเกษตรกรและผู้บริโภคได้ซื้อ-ขายไข่ไก่ในระดับราคาที่สมดุลเอง" นายมงคล กล่าว
สำหรับโครงการเชื่อมโยงอาหารสัตว์ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปี 2566 ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยคนละไม่เกิน 10,000 บาท ที่กรมการค้าภายในดำเนินการ เพื่อช่วยลดตันทุนการผลิตในช่วงเดือนก.ค. 66 เป็นเวลา 1 เดือน ให้แก่ผู้เลี้ยงไก่ไข่ที่เลี้ยงไก่ไม่เกิน 1 แสนตัวนั้น มองว่ายังไม่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ในวงกว้าง ขอเสนอให้ภาครัฐแก้ปัญหาราคาวัตถุดิบตั้งแต่ต้นทางโดยตรง เนื่องจากจะช่วยเหลือเกษตรกรได้ตรงประเด็น และเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรในวงกว้างมากกว่า