สมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย และ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผสานพลังสร้างกลยุทธ์ สร้างการท่องเที่ยวมูลค่าสูงขับเคลื่อนเร็ว จับกระแส Maga Trend ส่งเสริม Soft Power อาหารไทย พร้อมร่วมมือจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 ระหว่างวันที่ 23-26 สิงหาคม 2566 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อดึงผู้ผลิตสินค้า บริการและโซลูชั่นระดับโลก ร่วมโชว์ผลิตภัณฑ์ใหม่ นวัตกรรม-เทคโนโลยีล่าสุด คาดปีนี้มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 28,000 คน
นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวไทยล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-9 ก.ค. 66 มีนักท่องเที่ยวเข้าไทยแล้ว 13,589,523 คน โดยนักท่องเที่ยวหลักมาจากประเทศมาเลเซีย เดินทางมาทางใต้ของไทย ส่วนนักท่องเที่ยวจากจีนยังฟื้นตัวแค่ 13% เท่านั้น เพราะยังมีอุปสรรคหลายอย่าง เช่น เรื่องวีซ่า อย่างไรก็ดี ไทยยังมีอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวประเทศใหม่ๆ เข้ามา
"เป้านักท่องเที่ยวปี 67 ที่คาดว่าจะเข้ามา 35 ล้านคน มองว่าไม่ได้อยากได้นักท่องเที่ยวที่เข้ามามากจนบริหารจัดการไม่ได้ และทำให้สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติต้องเสื่อมโทรม ขณะเดียวกัน ภาคโรงแรมก็ต้องเตรียมทรัพยากรบุคคลให้พร้อมรับนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ ด้วย" นางมาริสา กล่าว
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวถึง การส่งเสริมอาหารไทยให้เป็น Soft Power ด้านการท่องเที่ยวไทยว่า อาหารไทย (Food) เป็นหนึ่งใน 5F ของ Soft Power เป้าหมายที่ ททท. วางไว้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านความอุดมสมบูรณ์ของวัฒนธรรมอาหารไทย หรือ การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ซึ่ง 20% ของค่าใช้จ่ายที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจ่ายในการท่องเที่ยวไทยมาจากอาหาร
โดยในปี 2562 นักท่องเที่ยวต่างชาติมีการใช้จ่ายด้านอาหารในไทยสูงถึง 6 แสนล้านบาท ซึ่งในการการพัฒนาอาหารไทยให้เป็น Soft Power นั้น ต้องร่วมกันสร้างมาตรฐานพัฒนาทั้งระบบ ทั้งด้านสาธารณสุข ความสะอาด ปลอดภัย รสชาติ ฯลฯ รวมถึงประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่เข้าถึงง่าย อาทิ ภาพยนตร์ ซีรีย์ ดารานักร้อง รายการอาหาร และรางวัลอาหารระดับโลก
ทั้งนี้ อาหารไทยมีข้อได้เปรียบหลายด้าน ทั้งอาหารไทยแท้ และเกิดจากการผสมผสานหลายวัฒนธรรมดัดแปลงร่วมกับวัตถุดิบท้องถิ่นจนมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ โดยปีนี้อาหารไทยติด 10 Best Rated Curries ถึง 5 อันดับ ได้แก่ แกงพะแนง ข้าวซอย แกงเขียวหวาน แกงมัสมั่น และแกงส้ม ความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นเสน่ห์ที่ชวนให้หลงไหล และทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพื่อสัมผัสกับรสชาติที่แท้จริงของอาหารเหล่านี้
นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า แนวคิดในการจัดงานฯ ครั้งนี้ คือ เชื่อมโยงสู่อนาคต (Connecting the Future) เนื่องจากปีนี้ การท่องเที่ยวมีการเดินหน้าต่อเนื่องหลังฟื้นตัวจากช่วงโควิด ทำให้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยถึง 30 ล้านคน ด้วยสัญญาณบวกนี้ส่งให้งานฯ ปีนี้มีความสำคัญมากขึ้น ผู้ประกอบการต่างมองหาผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชั่นระดับพรีเมียมไว้รองรับและสร้างความพึ่งพอใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามามากขึ้นในช่วงปลายปีนี้และปีหน้า ทั้งยังเป็นการขานรับและดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกันกับกลยุทธ์ที่ทาง ททท. และ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยววางไว้
นางมาริสา กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองไทยที่ยังไม่แน่นอน ในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติในครึ่งปีหลังยังไม่มีสัญญาณว่าจะชะลอตัวจากเรื่องการเมือง ถ้าเที่ยวบินมีมากขึ้น นักท่องเที่ยวก็เข้ามามากขึ้น อย่างไรก็ดี ภาคเอกชนอยากให้รัฐบาลจัดตั้งโดยเร็วที่สุด เพื่อเดินหน้าธุรกิจต่อไป
ด้านนางฐนิวรรณ กล่าวว่า ทุกคนอยากเห็นบ้านเมืองสงบ กรณีมีการชุมนุมถ้าไม่ยืดเยื้อนาน ผู้ประกอบการร้านอาหารก็ยังพอรับได้ แต่ถ้าไม่มี จะดีกว่า
"เชื่อว่ากลุ่มกำลังซื้อในไทยยังมีอยู่ แต่เรื่องความเชื่อมั่นทางการเมือง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กลุ่มหนึ่งยังคงระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งปัญหานี้ก็เป็นมานานแล้ว" นางฐนิวรรณ กล่าว
ส่วนนโยบายเรื่องการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ในส่วนของร้านอาหารมองว่าไม่เห็นด้วย เนื่องจากค่าแรงขั้นต่ำที่จะปรับขึ้นเป็นการทำร้ายผู้ประกอบการร้านอาหาร เพราะจะเป็นการเพิ่มต้นทุนในส่วนของแรงงานต่างด้าวเป็นส่วนใหญ่ ส่วนแรงงานคนไทยได้ค่าแรงเกินขั้นต่ำอยู่แล้ว
ในส่วนของนโยบายแจกเงินดิจิทัล มองว่าทุกนโยบายที่ช่วยเหลือประชาชนนั้นเป็นเรื่องดี แต่รัฐบาลจะมีงบประมาณเพียงพอหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลบอกว่าไม่มีงบประมาณ