นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)คงจะไม่ได้พิจารณาความเหมาะสมของอัตราดอกเบี้ยในประเทศจากส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยไทยและสหรัฐเป็นหลัก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อสูง
ธปท.ไม่ห่วงภาวะเงินทุนไหลเข้าจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยหากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงอีกครั้งในการประชุมวันที่ 29-30 เม.ย.นี้ เพราะการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยของไทยจะต้องขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบันปัญหาอัตราเงินเฟ้อสูง เป็นประเด็นที่จำเป็นต้องเข้าไปดูแล โดยขณะนี้ราคาน้ำมันเป็นปัจจัยเสี่ยง แม้ยังอยู่ในประมาณการ แต่ยังไม่รู้ว่าจะปรับตัวขึ้นไปถึงระดับใด
"ตอนนี้น้ำมันที่อยู่ในช่วงประมาณการแบงก์ชาติสามารถคุมอยู่ แต่ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด"นางอัจนา กล่าว
สำหรับค่าเงินบาทในขณะนี้ไม่ผันผวนมาก จากก่อนหน้านี้แรงกดดันค่าเงินบาทมาจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดและผู้ส่งออกเร่งเทขายเงินดอลลาร์ แต่ตอนนี้ทั้งสองปัจจัยลดลงแล้ว โดยผู้นำเข้าก็หันมาซื้อดอลลาร์กลับ เพราะกังวลน้ำมันแพง จึงเกิดความสมดุลระหว่างความต้องการเงินบาทและดอลลาร์ ทำให้บาทนิ่ง
ขณะที่แต่ละประเทศระมัดระวังเรื่องสภาพคล่องอยู่แล้ว ทำให้โอกาสเก็งกำไรค่าเงินจะมีน้อยลง เงินทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามาในประเทศขณะนี้มีทั้งเงินลงทุนโดยตรง(FDI)และเงินลงทุนในตลาดหุ้น โดยเงินที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น แต่ต่างชาติยังซื้อสุทธิ ซึ่งเงินที่ไหลเข้ามาในช่วง ก.พ.ถึงต้นเม.ย.เข้ามลงทุนในพันธบัตร 2 หมื่นล้านบาท แต่ถ้านับจากต้นปีถึงกลางเม.ย.ลงทุนในพันธบัตรถึงหมื่นล้านบาทแล้ว
--อินโฟเควสท์ โดย ธปฦ/ศศิธร/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--