โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ ทั้งการบริโภคภาคเอกชน และภาคการท่องเที่ยว ขณะที่ภาคก่อสร้างขยายตัวโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์และโครงการภาครัฐ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาท และอัตราค่าระวางเรือที่ลดลง ช่วยสนับสนุนภาคการส่งออก
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อปัญหาหนี้ครัวเรือนที่กดดันกำลังซื้อในประเทศ ขณะที่ภาคการส่งออกยังคงชะลอตัว เนื่องจากอุปสงค์ในตลาดโลกที่อ่อนแอลง โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อาเซียน และยุโรป ตลอดจนปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก โดยเฉพาะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังกดดันราคาพลังงานโลก และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ยังเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจการเงินโลก
สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 102.1 ปรับตัวลดลงจาก 104.3 ในเดือนพ.ค. เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง และความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล ตลอดจนการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีน ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก รวมถึงวิกฤติภัยแล้งที่เกิดจากปรากฎการณ์เอลนีโญ ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม
นายเกรียงไกร กล่าวว่า ผู้ประกอบการยังมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ดังนี้
1. ขอให้ภาครัฐพิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้า งวด 3/2566 (ก.ย.-ธ.ค.66) ลงมาอยู่ที่หน่วยละ 4.25 บาท/หน่วย เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับผู้ประกอบการ และบรรเทาผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
2. เสนอให้ภาครัฐปรับเพิ่มเที่ยวบินและการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว โดยให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัย ตลอดจนส่งเสริมและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถโปรโมทสินค้าไทยไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อช่วยสนับสนุนสินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
3. เสนอให้ภาครัฐเตรียมมาตรการรับมือสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นจากปรากฎการณ์เอลนีโญ รวมถึงมีแผนบริหารจัดการน้ำอย่างเพียงพอต่อภาคเกษตรและอุตสาหกรรม
4. ขอให้ภาครัฐดูแลและบรรเทาผลกระทบจากราคาสินค้า และค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง
นายเกรียงไกร คาดการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้ภายในเดือน ส.ค.66 ซึ่งหากล่าช้าออกไปจะส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ อย่างเช่นกรณีการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนที่ปรับตัวลดลงไปมาก
ส่วนกรณีที่มีข้อเสนอให้รอ สว.หมดวาระในอีก 10 เดือนนั้น ตนเคารพการตัดสินใจทางการเมืองทุกรูปแบบ แต่ในส่วนของนักลงทุนไทย หรือญี่ปุ่นที่คุ้นเคยกับบรรยากาศทางการเมืองจะสามารถรอได้นาน 6 เดือนถึง 1 ปี แต่หากเป็นนักลงทุนจากสหรัฐฯ หรือยุโรปที่ไม่คุ้นเคยกับการเมืองไทยอาจรอได้แค่ 1-2 เดือนเท่านั้น