นายประสงค์ ตันมณีวัฒนา อธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี(ขน.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับต้นทุนราคาน้ำมันที่มีผลกระทบต่อการให้บริการเรือโดยสาร เนื่องจากที่ผ่านมามีข้อตกลงกับผู้ประกอบการเรือโดยสารว่าจะพิจารณาปรับขึ้นค่าเรือโดยสารหากราคาน้ำมันดีเซลปรับราคาสูงเกินกว่าลิตรละ 31 บาท ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 32.94 บาท
"ค่าเรือโดยสารปัจจุบันคิดอยู่บนพื้นฐานราคาน้ำมันที่ลิตรละ 25-31 บาท แต่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้เอกชนต้องแบกรับภาระการขาดทุน ซึ่งคงต้องพิจารณาปรับขึ้นค่าเรือโดยสารให้กับผู้ประกอบการแน่นอน เพราะแนวโน้มราคาน้ำมันยังมีทิศทางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หากตรึงค่าโดยสารอีกเอกชนก็อยู่ไม่ได้ แต่จะพยายายามยืดระยะเวลาการปรับขึ้นค่าเรือโดยสารให้นานที่สุด เพื่อลดความเดือนร้อนของประชาชน" นายประสงค์ กล่าว
ส่วนการปรับเพิ่มค่าเรือโดยสารจะเป็นเท่าใดนั้นยังไม่สามารถระบุได้ในขณะนี้ เพราะต้องรอผลการศึกษารายละเอียดของต้นทุนการเดินเรือโดยสารก่อน โดยการกำหนดอัตราค่าโดยสารครั้งนี้จะให้อยู่บนพื้นฐานราคาน้ำมันที่ค่อนข้างกว้างมากขึ้นจากเดิมที่มีช่วงห่างของราคาน้ำมัน 6 บาทต่อลิตร คืออยู่ระหว่าง 25-31 บาท
ด้าน น.ท.ปริญญา รักวาทิน อุปนายกสมาคมเรือโดยสาร กล่าวว่า วันนี้ เลขาธิการสมาคมฯ ได้เข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดี ขน.ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับเรือโดยสาร เสนอขอให้พิจารณาอนุมัติปรับขึ้นค่าเรือโดยสารเพื่อลดผลกระทบของผู้ประกอบการ โดยขอปรับค่าโดยสารสำหรับเรือคลองแสนแสบระยะละ 2 บาท, เรือด่วนเจ้าพระยาระยะละ 2 บาท, เรือธรรมดาเจ้าพระยาระยะละ 1 บาท และเรือข้ามฟากปรับขึ้นอีก 50 สตางค์ถึง 1 บาท
นอกจากนั้น สมาคมฯ ยังเสนอแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องค่าเรือโดยสารในระยะยาว ได้แก่ ขอให้ภาครัฐช่วยชดเชยราคาน้ำมันให้กับผู้ประกอบการ โดยใช้ราคาน้ำมันดีเซลเป็นเกณฑ์ที่ลิตรละ 31 บาท หากราคาน้ำมันปรับสูงกว่าราคาดังกล่าวก็ขอให้ภาครัฐชดเชยเพื่อเป็นทางออกให้ผู้ประกอบการไม่ต้องขอปรับขึ้นค่าโดยสารทุกครั้งที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
และขอให้ภาครัฐกำหนดแนวทางในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเรือโดยสารเปลี่ยนเครื่องยนต์มาใช้ก๊าซเอ็นจีวีอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้ประกอบการมั่นใจที่จะลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ใช้เอ็นจีวี
--อินโฟเควสท์ โดย คคฦ/ธนวัฏ/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--