นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบกไปคำนวณต้นทุนการเดินรถ อัตราค่าโดยสาร และระยะเวลาที่จะปรับขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะที่เหมาะสม ซึ่งต้องเป็นอัตราที่ช่วยลดภาระการขาดทุนของผู้ประกอบการและไม่เป็นภาระกับประชาชน โดยในวันที่ 30 เม.ย.นี้ รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบกจะได้หารือกับผู้ประกอบการ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอ
"ระยะเร่งด่วนนี้จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องการปรับค่าโดยสาร เพราะราคาน้ำมันมีผลกระทบโดยตรงกับค่าโดยสาร โดยการปรับค่าโดยสารต้องเป็นไปตามกลไกตลาด ทั้งในส่วนของรถโดยสารของเอกชน และรถโดยสารของ บขส.(บริษัท ขนส่ง จำกัด) และ ขสมก.(องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ)" นายทรงศักดิ์ กล่าว
ส่วนในระยะยาวนั้น กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพลังงานจะตั้งคณะกรรมการร่วมกันสนับสนุนให้รถโดยสารสาธารณะใช้เอ็นจีวี ซึ่งให้ได้ข้อสรุปแผนการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งในหลักการจะให้ความสำคัญกับรถโดยสารสาธารณะก่อน โดยจะให้มีการตั้งสถานีบริการและปริมาณเอ็นจีวีให้เพียงพอต่อความต้องการ
"ปัจจุบันมีรถโดยสารสาธารณะที่เปลี่ยนเครื่องยนต์ใช้เอ็นจีวีทั่วประเทศเพียง 7% ซึ่งถือว่าน้อยมาก ขณะที่มาตรการสนับสนุนให้ใช้เอ็นจีวียังไม่เรียบร้อย" นายทรงศักดิ์ กล่าว
ด้านนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการฯ หลังจากกรมการขนส่งทางบกเสนอข้อสรุปที่ได้จากการหารือกับผู้ประกอบการเกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าโดยสารแล้ว
ส่วนอัตราค่าโดยสารของรถโดยสาร บขส.นั้น หากอนุมัติให้ผู้ประกอบการรถร่วม บขส.ปรับขึ้นค่าโดยสารแล้วก็คงต้องให้ บขส.ปรับค่าโดยสารเพิ่มอีกหนึ่งขั้น แต่ยังถือว่าน้อยกว่าการปรับขึ้นค่าโดยสารของรถร่วม บขส.
--อินโฟเควสท์ โดย คคฦ/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--