นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 34.96/97 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาด เมื่อเช้าที่ระดับ 34.93/97 บาท/ดอลลาร์
ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 34.90 - 35.00 บาท/ดอลลาร์ โดยวันนี้เงินบาทอ่อนค่าไปแตะระดับ 35.00 บาท/ดอลลาร์ ปัจจัยหลักมาจากสกุลเงินดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่า หลังจากวานนี้ (7 ส.ค.) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) พูดในเชิงสนับสนุนให้มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ ประกอบกับปัจจัยในประเทศวันนี้ ต่างชาติขายพันธบัตร 2,354 ล้านบาท ถือ เป็น Fund flow ไหลออก
ขณะเดียวกัน ราคาทองคำปรับลดลง ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่า ขณะที่สกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาคต่างอ่อนค่าเช่นเดียวกับ เงินบาท
"เงินบาทวิ่งขึ้นไปแตะ 35 ได้แป๊บเดียวก็วิ่งลงมา ถือว่าอ่อนค่าในรอบประมาณ 1 เดือน หรือจากช่วงต้นเดือนก.ค. ที่ผ่านมา มองว่าช่วงนี้เงินบาทเป็นช่วงขาขึ้น สัปดาห์หน้ารอติดตามการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ถ้าการโหวตผ่านไปด้วยดี ก็มี โอกาสที่เงินบาทจะย่อลงมาได้" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 34.85 - 35.10 บาท/ดอลลาร์ ช่วงนี้ต้อง ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเป็นหลัก
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ 143.09/12 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 143.10/20 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ 1.0968/0970 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0980/0990 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,518.44 จุด ลดลง 14.07 จุด (-0.92%) มูลค่าการซื้อขาย 41,008 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,376.17 ลบ. (SET+MAI)
- ม.หอการค้าไทย หวังเห็นความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ไม่เกินเดือนก.ย.นี้ เพื่อให้มีนโยบายเข้ามาช่วย
- สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เผยสถานการณ์ส่งออกของประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรก อยู่ใน
- กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.66 จนถึงล่าสุด มีทั้งสิ้น
- Krungthai COMPASS ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มกลับมาเร่งขึ้นในระยะข้างหน้า อาจทำให้คณะ
- สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วางแผนที่จะผลักดันการใช้เงินหยวนและสกุล
- สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) ระบุว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการอุปโภคบริโภคที่
- มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสหรัฐ 10 แห่ง และเตือนว่าขณะนี้มูดี้ส์
- ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก คาดการณ์ว่า จำเป็นต้องรักษาจุดยืนด้านนโยบายการเงินที่เข้ม
งวดต่อไปอีกสักระยะ แต่จะต้องพิจารณาถึงปัจจัยสำคัญต่างๆ ที่ขับเคลื่อนอุปทานและอุปสงค์ในเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อของสหรัฐหาก
เงินเฟ้อเริ่มลดลงก็เป็นเรื่องปกติที่จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในปีหน้า เพื่อรักษาจุดยืนด้านนโยบายการเงินให้เหมาะสมกับ
เศรษฐกิจซึ่งกำลังเติบโต และเงินเฟ้อที่กำลังเคลื่อนลงสู่ระดับ 2%