น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลผลักดันการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) มาอย่างต่อเนื่องจนเห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม โดยยอดใช้สิทธิฯ 5 เดือนแรกของปี 2566 สูงถึง 76.70% มูลค่ารวม 33,455.12 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าผลไม้ไทยได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะสินค้ามะพร้าว พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้ขยายตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เพิ่มช่องทางส่งออกสินค้าไทยมากขึ้น โดยมีแผนส่งขายข้าวในตลาดสวิตเซอร์แลนด์
กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รายงานภาวะการส่งออกภายใต้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก FTA ในช่วงเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2566 จำนวน 12 ฉบับ จากทั้งหมด 14 ฉบับ มีมูลค่ารวม 33,455.12 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าผลไม้ไทยยังคงได้รับความนิยมและมีการส่งออกผ่าน FTA จำนวนมาก โดยเฉพาะจากจีน ภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) ซึ่งในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 สินค้ามะพร้าว (ทั้งกะลา) เป็นหนึ่งในสินค้าผลไม้จากไทยที่มีการขยายตัวสูงในจีน มีมูลค่าการส่งออกถึง 187.91 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 26.96% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 และจีนมีการนำเข้าสินค้ามะพร้าวจากไทยมากเป็นอันดับที่ 1 โดยการใช้สิทธิฯ ภายใต้ ACFTA ทำให้ไทยได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าจีนเหลือ 0% จากเดิมที่จะต้องเสียภาษีถึง 60%
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้วางแนวทางส่งเสริมการค้าที่เป็นธรรม หรือ แฟร์เทรด (Fair Trade) ซึ่งเป็นขบวนการส่งเสริมการพัฒนาระบบการค้าที่เป็นธรรมอย่างยั่งยืน โดยตลาดแฟร์เทรดในสวิตเซอร์แลนด์ได้รับความนิยมและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง กระทรวงพาณิชย์จึงได้วางแนวทางผลักดันสินค้าไทยที่มีศักยภาพในการเจาะตลาดสินค้าแฟร์เทรดในสวิตเซอร์แลนด์ โดยเฉพาะสินค้าข้าว ซึ่งมีคุณภาพและรสชาติเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในสวิตเซอร์แลนด์เป็นอย่างดี จึงถือเป็นโอกาสทางการตลาดสำหรับผู้ประกอบการไทย
"รัฐบาลมุ่งมั่นเจรจายกระดับ FTA เดิม และจัดทำ FTA เพิ่มเติมกับประเทศคู่ค้าใหม่ รวมทั้งเสาะหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและเป็นโอกาสให้ชาวไทย เพิ่มขีดความสามารถให้ผู้ส่งออกไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยเห็นผลสำเร็จจากตัวเลขการส่งออกและยอดการใช้สิทธิฯ ซึ่งเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้ รัฐบาลยังคงเดินหน้าขยายตลาดที่มีศักยภาพ รองรับการส่งออกสินค้าไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมั่นว่า สินค้าไทยมีคุณภาพและมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ประกอบกับแนวทางที่รัฐบาลวางรากฐานไว้อย่างมั่นคงนี้ จะช่วยผลักดันการส่งออกสินค้าไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป" น.ส.รัชดา กล่าว