ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.36/37 อ่อนค่าจากช่วงเช้าตามเงินหยวนจากกังวลเศรษฐกิจจีน

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 15, 2023 17:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 35.36/37 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.25 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทตลอดทั้งวันนี้ยังเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่าต่อจากสัปดาห์ก่อน เนื่องจากตลาดกังวลสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ จีน โดยล่าสุด ดัชนีและข้อมูลเศรษฐกิจของจีนหลายตัวออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้เงินหยวนมีทิศทางอ่อนค่า ซึ่งทำให้ล่าสุดธนาคาร กลางจีน ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% เพื่อหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจ

ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศยังคงไม่นิ่ง และล่าสุด พรรคก้าวไกลมีมติที่จะไม่โหวตสนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่เป็นแคนดิเด ทจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งการเมืองที่ยังไม่นิ่ง ก็ทำให้วันนี้ดัชนี SET ปิดร่วงลงไปเกือบ 15 จุด

กลางสัปดาห์นี้ ตลาดรอดูการเปิดเผยรายงานการประชุม ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เมื่อวันที่ 25-26 ก.ค. ซึ่งตลาดรอฟังความเห็นจากประธานเฟด ว่าจะส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยนโยบายอย่างไร หลังจากอัตรา เงินเฟ้อ และราคาน้ำมันตลาดโลกกลับมาปรับตัวสูงขึ้น

นักบริหารเงิน คาดว่า เงินบาทวันพรุ่งนี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 35.20 - 35.50 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทยังมี ทิศทางอ่อนค่า

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 145.55/58 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 145.55 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0938/0942 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0905 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,520.73 จุด ลดลง 14.43 จุด (-0.94%) มูลค่าการซื้อขาย 48,598.75 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,877.80 ลบ.(SET+MAI)
  • พรรคก้าวไกล แถลงว่า ที่ประชุม สส.มีมติเอกฉันท์ จะไม่โหวตให้แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลผสมข้ามขั้ว เพื่อ
แสดงจุดยืนว่า ไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้
  • หอการค้าไทย มั่นใจว่า ประเทศน่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ได้ในกรอบของ ส.ค.-ก.ย. 66 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่ช้าเกินไป
โดยมองว่าไทยควรมีรัฐบาลชุดใหม่ให้เร็วที่สุด แนะควรมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทันที เช่นเดียวกับที่เคยทำในช่วงที่ผ่านมา เช่น
โครงการคนละครึ่ง เพื่อดึงกำลังซื้อของประชาชนให้กลับมา
  • ธนาคารกลางจีน ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ
จีน ลง 0.15% สู่ระดับ 2.50% ในวันนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย MLF มีขึ้นหลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึง
ยอดการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์เดือน ก.ค. ที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน
  • รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ระบุว่า เศรษฐกิจโลกควรเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ท่ามกลาง
ความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน ทั้งในด้านการค้า และภูมิรัฐศาสตร์
  • ธนาคารกลางรัสเซีย มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 3.50% สู่ระดับ 12% พร้อมระบุว่า แรงกดดันด้านเงิน
เฟ้อกำลังก่อตัวขึ้น ซึ่งมติครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อจำกัดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพของราคา โดยการนัดประชุมด่วนของธนาคารกลาง
รัสเซียวันนี้ เนื่องจากเมื่อวาน (14 ส.ค.) ค่าเงินรูเบิลร่วงทะลุ 100 รูเบิลต่อดอลลาร์ โดยมีสาเหตุจากมาตรการคว่ำบาตรทาง
การค้าของชาติตะวันตก ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการทำสงครามกับยูเครนที่พุ่งสูงขึ้น
  • อัตราการขยายตัวของค่าแรงขั้นพื้นฐานในอังกฤษ พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับ
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในระยะยาว แม้ว่า BoE ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 14 ครั้งไป
แล้วก็ตาม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ