นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐอาจร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 14 ปีในเดือนเม.ย. อันเป็นผลมาจากอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันเบนซินที่ทะยานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมูลค่าบ้านที่ลดลง
โดยผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 67 คน ซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอาจร่วงลงเหลือ 61 จุดในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2536 จากเดิมที่ระดับ 64.5 จุดในเดือนมี.ค. ในขณะเดียวกันก็คาดว่าราคาบ้านเดือนก.พ.จะลดลงอีก
มูลค่าบ้านที่ลดลง อัตราว่างงานที่สูงขึ้น รวมถึงราคาอาหารและพลังงานที่ดีดตัวขึ้น กำลังกดดันให้ชาวอเมริกันต้องใช้เงินอย่างประหยัด ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะชะลอตัว หรือที่นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนเรียกว่าภาวะถดถอย โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจประกาศลดดอกเบี้ยอีกในวันพรุ่งนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดเงิน รวมถึงกระตุ้นความเชื่อมั่นผู้บริโภคและความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ
"ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อการใช้จ่ายผู้บริโภคไปอีกหลายเดือน" รัสเซล ไพรซ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก H&R Block Financial Advisors กล่าว "เศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีนักทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง และส่งผลต่อการใช้จ่ายผู้บริโภคในที่สุด"
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะอยู่ที่ระดับ 57-70 จุด โดยสำนักงานคอนเฟอร์เรนซ์ บอร์ด (Conference Board) ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชน จะเปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการในเวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--