นายโรเบิร์ต สตีล รมช.คลังสหรัฐกล่าวในวันนี้ว่า แม้วิกฤตการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ แต่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น เมื่อพิจารณาจากมาตรการการปล่อยเงินกู้เพื่อกู้ซื้อบ้าน ซึ่งมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือประชาชนให้สามารถชำระเงินกู้ในวงเงินที่ต่ำและหลีกเลี่ยงการถูกยึดบ้าน
"ตลาดที่อยู่อาศัยยังคงเป็นปัญหาใหญ่สุดที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยงในขณะนี้ แต่เราเห็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดจะฟื้นตัวขึ้นอย่างแน่นอน เราพยายามทุกวิถีทางที่จะจำกัดผลกระทบเพื่อไม่ให้การชะลอตัวของตลาดที่อาศัยฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ" นายสตีลกล่าว
สตีลกล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้เขามั่นใจว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะฟื้นตัวขึ้นมาจากโครงการของสำนักงานการเคหะของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FHA) หรือที่เรียกว่า โครงการ FHASecure ซึ่งช่วยให้ประชาชน 170,000 คนสามารถนำสัญญาเงินกู้เพื่อการซื้อบ้าน มารีไฟแนนซ์เป็นเงินกู้ที่สามารถผ่อนชำระได้คล่องตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ กลุ่ม Hope Now ซึ่งกลุ่มสถาบันการเงินที่ปล่อยวงเงินกู้ได้ประสานงานกับคณะทำงานประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช เพื่อลดอัตราการยึดบ้าน โดยกลุ่ม Hope Now ระบุว่า ทางกลุ่มได้แปลงสภาพเงินกู้ของลูกหนี้กลุ่มซับไพรม์จำนวน 131,522 รายในไตรมาสแรกปีนี้ เพื่อช่วยให้กลุ่มผู้กู้ยืมสามารถหลีกเลี่ยงการถูกยึดบ้านได้
อย่างไรก็ตาม นายสตีลกล่าวในเชิงเตือนว่า คณะทำงานของบุชไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือนักลงทุนที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนักลงทุนเหล่านี้คาดหวังว่าราคาที่อยู่อาศัยจะปรับตัวสูงขึ้น จึงทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้หันออกจากตลาดที่อยู่อาศัย สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--