นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่อินเดียมีมาตรการห้ามส่งออกข้าวขาว เฉพาะที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติ ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวสารในตลาดโลก รวมทั้งข้าวไทยมีราคาปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน ทุกชนิดข้าวเฉลี่ย 30%
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ราคาเริ่มทรงตัว โดยราคาขายส่งข้าวขาว 5% มีราคาอ่อนตัวลงเล็กน้อย จากสูงสุดที่ราคา 22,000 บาท/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็น 20,000 บาท/ตัน และยังทรงตัวในระดับสูงอย่างต่อ เนื่องจากยังมีปริมาณขาวเปลือกนาปรังรอบที่ 2 ที่เริ่มทยอยออกสู่ตลาด ซึ่งมีปริมาณใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรที่นำข้าวเปลือกออกจำหน่ายในขณะนี้ได้รับราคาดี โดยราคาข้าวเปลือกความชื้นไม่เกิน 15% (18 ส.ค. 66) ราคาดังนี้
- ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคา 15,000-17,000 บาท/ตัน สูงกว่าราคาช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 15,000 บาท/ตัน
- ข้าวเปลือกปทุมธานี ราคา 13,200-14,000 บาท/ตัน สูงกว่าราคาช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 10,950 บาท/ตัน
- ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคา 14,800-15,800 บาท/ตัน สูงกว่าราคาช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 9,750 บาท/ตัน
- ข้าวเปลือกเจ้า ราคา 11,800-12,500 บาท/ตัน สูงกว่าราคาช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 9,250 บาท/ตัน
นายอุดม กล่าวว่า ด้านสถานการณ์ราคาข้าวถุง ซึ่งหลายฝ่ายได้กังวลว่าจะกระทบต่อผู้บริโภคนั้น กรมการค้าภายใน ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยล่าสุด ได้ประชุมร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และสมาคมโรงสีข้าวไทย ซึ่งได้ให้ความร่วมมือตรึงราคาจำหน่ายข้าวสารถุงอย่างเต็มที่ ขณะนี้ยังไม่มีการปรับขึ้นราคา แต่จะต้องติดตามสถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะต้นทุนข้าวว่าจะมีการปรับขึ้นมากน้อยเพียงใด
สำหรับข้าวสารแบ่งขายตามท้องตลาด จากการสำรวจพบว่า เริ่มมีการปรับตัวสูงขึ้นบ้างเล็กน้อย เฉพาะข้าวสารขาว ตามราคาต้นทุนข้าวสารที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่คาดว่าจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ
ทั้งนี้ สมาคมโรงสีข้าวไทย จะจัดส่งข้าวสารให้กับสมาชิกของสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถผลิตข้าวถุงออกสู่ตลาด โดยยืนยันว่าประเทศไทยจะไม่มีปัญหาขาดแคลนข้าวสารแน่นอน
นายอุดม กล่าวว่า ได้สั่งการให้สายตรวจกรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด ติดตามสถานการณ์ หากผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือพบว่ามีการปรับราคาจำหน่ายสูงเกินสมควร หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านปริมาณ สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด