บริษัท บีพี พีแอลซี ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรป เปิดเผยว่า ผลกำไรไตรมาสแรกพุ่ง 63% หลังราคาน้ำมันดิบทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายได้สุทธิของบริษัทพุ่งแตะ 7.62 พันล้านดอลลาร์ จาก 4.66 พันล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว ส่วนผลประกอบการณ์เมื่อไม่นับรวมการเปลี่ยนแปลงสินค้าคงคลัง (inventory changes) และสินค้าที่ใช้ครั้งเดียว (one-time items) ก็มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ราคาน้ำมันทะยานแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นก็แตะระดับ 111.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนมี.ค. หลังเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่ากระตุ้นให้นักลงทุนหันมากว้านซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ จนถึงเมื่อวานนี้ราคาน้ำมันเพิ่งทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 119.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
โทนี่ เฮย์เวิร์ด ซีอีโอของบีพีที่เพิ่งเข้าดำรงตำแหน่งแทนจอห์น บราวน์ เมื่อปีที่แล้ว กำลังพัฒนากรรมวิธีการผลิตและกลั่นน้ำมัน โดยหวังเพิ่มผลประกอบการณ์ที่กำลังตามหลังคู่แข่งอย่างเอ็กซอน โมบิล คอร์ป
นายเฮย์เวิร์ดกล่าวเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า บริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี หลังจากที่แหล่งผลิตน้ำมันธันเดอร์ ฮอร์ส ในอ่าวเม็กซิโก เริ่มดำเนินการผลิตอย่างเป็นทางการหลังจากที่เลื่อนกำหนดมานานกว่า 3 ปี และหลังจากที่โรงกลั่นในสหรัฐสามารถผลิตน้ำมันได้อย่างเต็มกำลัง สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--