นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยในงาน Thailand Focus 2023 ในหัวข้อ "Benefifs from supply chain relocation and renewed investments : EV industries" ไทยจะได้โประโยชน์อย่างไรจากการย้ายฐานห่วงโซ่อุปทาน และการกลับเข้ามาลงทุนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมีความแข็งแกร่ง โดยมีส่วนแบ่งใน GDP ถึง 6% และถูกจัดอยู่ในอันดับ 10 ของโลก
นอกจากนี้ ไทยยังเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ของโลก เนื่องจากมีซัพพลายเชนที่ครบวงจรจากการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้มานานถึง 50 ปี โดยปัจจุบัน มีบริษัทชิ้นส่วนรถยนต์และส่วนประกอบอื่น ๆ อยู่ในไทยมากกว่า 2,000 บริษัท
ทั้งนี้ ประเทศไทยตั้งเป้าจะเป็นแหล่งผลิตรถยนต์ EV ระดับโลก โดยมีแผนจะผลิตรถยนต์ EV ให้ได้ราว 30% ของรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตในประเทศไทย ภายในปี 2573 ผ่านการส่งเสริมการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน BOI ได้ส่งเสริมการผลิตรถยนต์ EV ให้ขึ้นมาเป็นภาคการผลิตรถยนต์ที่สำคัญ ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบของการส่งออกรถยนต์ของประเทศ 10% และมีอัตราการเติบโต 5% ต่อปี
เลขาธิการ BOI กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมมีการฟื้นตัวมากขึ้น โดยมีเงินลงทุนโดยตรง (FDI) เข้ามาถึง 3 แสนล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งแหล่งเงินทุนมาจากจีน สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ขณะที่โครงการพลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่าการลงทุนถึง 2.6 หมื่นล้านบาท
ส่วนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีเข้ามาขอการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งมีตั้งแต่โครงการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ไปจนถึงสถานีชาร์จไฟ โครงการรถยนต์ EV ที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนไปแล้วถึง 17 โครงการ เป็นผู้เล่นรายใหญ่เข้ามา เช่น บีวายดี (BYD), เกรทวอลล์ มอเตอร์ (GWM) และยังมีอีกหลายบริษัทใหญ่ที่กำลังขออนุมัติการส่งเสริมการลงทุน เช่น ฉางอันมอเตอร์ ด้านแบตเตอรี่ BOI ได้ส่งเสริมการผลิตแบตเตอรี่ 71 โครงการ และสถานีชาร์จไฟ EV 10 โครงการ ก็จะเพิ่มสถานีชาร์จเป็น 11,000 หน่วย จากปัจจุบัน 4,000 หน่วย
"เชื่อว่านักลงทุนจำนวนไม่น้อย กำลังมองหาที่ลงทุนที่มีเสถียรภาพ มีความมั่นคงยืนยาว และมีนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาล ทำให้คาดว่าในทศวรรษหน้า ประเทศไทยจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนต่างประเทศ เพราะมีตลาดขนาดใหญ่ มีเศรษฐกิจที่เปิดกว้าง และไทยมีสนธิสัญญาการค้าเสรีกับหลายประเทศ และกำลังเจรจากับหลายประเทศ" นายนฤตม์ ระบุ
ด้านนางประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโต้โมทีฟ จำกัด กล่าวว่า ในปี 65 ยอดขายรถยนต์ EV เพิ่มขึ้น 14% และคิดว่าในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปีก่อนประเทศไทยมียอดรถยนต์ EV ราว 22,000 คัน และครึ่งปีนี้ขายไปได้แล้ว 32,000 คัน และคาดว่าในปีนี้ยอดขายรถยนต์ EV น่าจะเติบโตได้ถึง 400%
โดยมองว่าคนไทยมีความต้องการรถยนต์ EV มากขึ้น หากมีโรงงานที่เดกี่ยวกับอะไหล่ และชิ้นส่วนต่างๆ เข้ามาตั้ง จะทำให้อุตสาหกรรมนี้ครบวงจรมากขึ้น เนื่องจากตอนที่บริษัทตั้งใหม่ๆ นั้น ยังไม่มีแบรนด์รถยนต์ EV มากนักในประเทศไทย หากมีรายใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น ก็จะกระตุ้นให้คนมาสนใจมากขึ้น
สำหรับปีที่แล้ว บีวายดี ได้ดำเนินการส่งมอบรถยนต์ไปแล้วราว 18,000 คัน ซึ่งต่อไปทางบริษัทฯ จะนำรถเพื่อการพาณิชย์เข้ามามากขึ้น และจะนำโมเดลรถยนต์ส่วนบุคคลใหม่เข้ามาในสิ้นปีนี้
"การอุดหนุนของรัฐบาล เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเติบโตของตลาดรถ EV ทั่วโลก และการอุดหนุนของรัฐบาลไทย ก็น่าจะทำให้รถยนต์ EV เดินหน้าได้ คิดว่ารถไฟฟ้าและการหนุนจากรัฐบาลจะเป็นสิ่งที่ดี และเชื่อว่าการที่มีผู้เล่นรายใหญ่เข้ามามากขึ้น จะทำให้เกิดความคึกคักในอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าของไทยมากขึ้น" นางประธานพร กล่าว