กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประเมินทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.85-35.40 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 35.00 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.89-35.28 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินสำคัญในช่วงต้นของสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังยอดเปิดรับสมัครงานเดือน ก.ค.ของสหรัฐฯ ดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.64 รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ที่ออกมาตามคาด และการพุ่งขึ้นของอัตราการว่างงานสู่ 3.8% ในเดือน ส.ค.จาก 3.5% ทำให้ตลาดเชื่อมั่นมากขึ้นว่า วัฏจักรการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจสิ้นสุดลงแล้ว
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์ฯ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ลดช่วงลบท้ายสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนปรับสถานะก่อนช่วงวันหยุดยาวในสหรัฐฯ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 5,263 ล้านบาท และ 6,523 ล้านบาท ตามลำดับ โดยภาพรวมในเดือน ส.ค.66 เงินบาทอ่อนค่าลง 2.3% จากเดือนก่อนหน้า
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ ระบุว่า ผู้ร่วมตลาด จะให้ความสนใจกับข้อมูลภาคบริการเดือน ส.ค.ของสหรัฐฯ เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินต่อไป ทั้งนี้ สัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้า บ่งชี้ว่ามีความน่าจะเป็นราว 90% ที่เฟดจะคงดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย. และโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน พ.ย.ลดลงเหลือ 35%
อย่างไรก็ดี หากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอนอกสหรัฐฯ โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน และยุโรป ยืดเยื้อหรือรุนแรงมากขึ้น แรงขายเงินดอลลาร์อาจถูกจำกัดในระยะนี้
ส่วนประเด็นในประเทศ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ คาดว่า นักลงทุนจะติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ส.ค.ของไทย และความชัดเจนเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทางด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ก.ค.ขาดดุล 0.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พลิกจากที่เกินดุล 1.4 พันล้านดอลลาร์ในเดือน มิ.ย. โดย ธปท.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ค. อยู่ในทิศทางฟื้นตัวตามการใช้จ่ายในประเทศและภาคบริการ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมดีขึ้น แต่มูลค่าการส่งออกยังลดลงตามอุปสงค์ของประเทศคู่ค้า
ทั้งนี้ ในระยะต่อไป ต้องติดตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า นโยบายของรัฐบาล และผลกระทบของเอลนีโญต่อผลผลิตและราคาสินค้าเกษตร อนึ่ง เรามีมุมมองที่ระมัดระวังต่อภาคส่งออกที่ซบเซา รวมถึงแผนการจัดสรรเม็ดเงินสำหรับนโยบายประชานิยม และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่กลับมาสูงขึ้นต่อเนื่องจากภาวะอุปทานตึงตัว