นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เดินทางเข้ากระทรวงดีอีเอสเป็นวันแรก ลุยนโยบายเร่งด่วนจัดการกับมิจฉาชีพออนไลน์ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ตลอดจนงานสนับสนุนรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ของรัฐบาล การกำหนดรูปแบบโครงการสำคัญที่กำลังดำเนินอยู่ เช่น ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการเรื่องกระเป๋าเงินดิจิทัลภายในปีหน้าตามนโยบายพรรคเพื่อไทย
รมว.ดีอีเอส กล่าวว่า การหลอกลวงของกลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์ และแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เป็นปัญหาที่สำคัญที่ส่งผลกระทบด้านลบต่อผู้คน ซึ่งกระทรวงฯ จะให้ความสำคัญกับงานนี้อย่างจริงจังเป็นอันดับแรก เนื่องจากพ.ร.ฎ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ฉบับใหม่ ที่เพิ่งประกาศใช้จะทำให้ประชาชนที่ตกเป็นผู้เสียหาย ธนาคาร และเจ้าหน้าที่มีทางเลือกมากขึ้นในการต่อสู้กับกลโกงออนไลน์และกิจกรรมออนไลน์ที่ผิดกฎหมาย การเสริมสร้างกระบวนการต่อต้านการฉ้อโกง และระบบการแจ้งเตือนของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งเป็นหนึ่งในงานหลักของหน่วยงานในสังกัดกระทรวง
พร้อมกันนี้ กระทรวงดีอีเอสจะสนับสนุนกิจกรรมสำคัญที่กระทรวงเป็นเจ้าภาพ รวมถึงการบังคับใช้โมเดลการกำกับดูแลใหม่ เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) การพัฒนานวัตกรรม เช่น Digital ID, Digital Post ID และคลาวด์แบบรวมศูนย์เพื่อการสาธารณสุข หรือที่เรียกว่า National Digital Health Platform
รวมถึงสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล เช่น การดำเนินโครงการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ เพราะเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ โดยได้ตั้งเป้าหมายให้ดัชนีการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 40 ของโลกภายในปี 2570 เพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 53 ในปัจจุบัน ผ่านแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลแบบครบวงจรที่สนับสนุนการพัฒนา นโยบายชีวิตอัจฉริยะของประเทศและรัฐบาล และการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลไปยังรัฐบาลท้องถิ่น 400 แห่งภายในสิ้นปีนี้ ผ่านการใช้แพลตฟอร์มบนเว็บไซต์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 10 เท่า จากปัจจุบันที่มี 56 แห่ง
นายประเสริฐ กล่าวด้วยว่า แม้ว่าตนจะไม่ได้เป็นผู้ประกอบการในธุรกิจดิจิทัล แต่มีประสบการณ์การบริหารธุรกิจ งานราชการและการเมืองจากการเป็น สส.มาหลายสมัย โดยยืนยันว่าจะพยายามทำหน้าที่รัฐมนตรีให้ดีที่สุด โดยใช้รูปแบบการทำงานเป็นทีมที่ปรึกษา ผู้บริหารกระทรวงฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้เตรียมทีมที่ปรึกษาและผู้สนับสนุนในกระทรวง เพื่อช่วยบริหารจัดการและกำหนดรูปแบบการดำเนินงานและนโยบาย ตลอดจนร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ