นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง พร้อมด้วย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ, นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย และคณะทำงานด้านนโยบายการต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย หารือกับนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เกี่ยวกับการเดินหน้าการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย
นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า การลงทุนจากต่างประเทศ และการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในไทย (FDI) ต้องใช้ระยะเวลานาน หากไม่เริ่มดำเนินการในวันนี้ กว่าจะเห็นผลต่อระบบเศรษฐกิจไทยก็ในอีก 2-3 ปี ดังนั้นจึงต้องเร่งทำงานทันที พร้อมทั้งต้องเร่งเตรียมการเดินทางไปโรดโชว์ที่สหรัฐอเมริกา ในช่วงวันที่ 18-24 ก.ย.66 กับบีโอไอ ซึ่งต้องพบปะกับนักธุรกิจจากหลากหลายประเทศ
โดยวันนี้บีโอไอเข้ามาให้ข้อมูล เพื่อจะได้เร่งเดินหน้าผลักดันและส่งเสริมการลงทุนในไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าโครงการใดที่มีประโยชน์ต่อประเทศในภาพรวม จะผลักดันให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโครงการที่อยู่ระหว่างการรอพิจารณาจะรับฟังข้อมูลต่อเนื่อง เพื่อทำงานร่วมกันต่อไป
สำหรับภาพรวมการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในปี 2561 จนถึงเดือน มิ.ย.66 โดยกลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรก คือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน มูลค่ารวม 1.8 ล้านล้านบาท โดยนักลงทุนญี่ปุ่นมีการขยายการลงทุนเพิ่มต่อเนื่องในกลุ่มบริษัทเดิม ในขณะที่นักลงทุนจีนมีการขยายลงทุนต่อเนื่องในกลุ่มบริษัทใหม่
ส่วนภาพรวมการลงทุนในไทย ยังมีโครงการที่รอการพิจารณาโดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน รวม 6 โครงการ มูลค่ารวม 29,862 ล้านบาท และโครงการที่รอพิจารณาตาม พ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ อีก 21 โครงการ