นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 35.59/61 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อ เช้าที่ระดับ 35.58 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างยังไม่มีปัจจัยใหม่ เคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค โดยวันนี้เงินบาทเคลื่อน ไหวในกรอบ 35.54 - 35.61 บาท/ดอลลาร์
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามคืนนี้ คือ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ของสหรัฐฯ ซึ่งตลาดคาดว่าจะเพิ่ม ขึ้นจากเดือนก่อน ซึ่งถ้าเป็นไปตามคาดแสดงให้เห็นว่าเงินเฟ้ออาจชะลอ ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า และเงินบาทน่าจะกลับมาแข็งค่า
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 35.50 - 35.75 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ 147.43/46 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 147.54 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ 1.0711/0714 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0728 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,550.36 จุด เพิ่มขึ้น 1.58 จุด, +0.10%
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 775.01 ลบ.(SET+MAI)
- ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอ่อนแรงลงอย่างเห็น
- นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า ได้พูดคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งเห็นด้วยกับนโยบายดิจิ
- ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฏร กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมวิป 3 ฝ่าย เพื่อพิจารณากรอบเวลา
- หัวหน้าฝ่ายวิจัยตลาดญี่ปุ่นของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส คาดการณ์ว่า การทรุดตัวของค่าเงินเยนยังไม่สิ้นสุด แม้มีกระแส
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และหน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบทางการเงินระดับโลกได้กำหนดแผนงาน เพื่อ
- สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานยอดส่งออกเดือนส.ค. ของจีนลดลง 8.8% แตะระดับ 2.849 แสนล้านดอลลาร์
เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากอุปสงค์สินค้าจีนในต่างประเทศชะลอตัวลง และสร้างความท้าทาย
เพิ่มขึ้นให้กับเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ทั้งนี้ จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนส.ค. อยู่ที่ 6.84 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง
จากระดับ 8.06 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค.