อุตฯ อลูมิเนียมไทยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันรับมาตรการ CBAM

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 12, 2023 14:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

อุตฯ อลูมิเนียมไทยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันรับมาตรการ CBAM

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศลำดับต้นๆ ในภูมิภาคเอเชีย ที่ได้จัดข้อมูลค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามแนวคิด Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) เพื่อเตรียมความพร้อมทางการค้ากับสหภาพยุโรป โดยกลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียม เป็นกลุ่มแรกที่สามารถทำข้อมูลออกมาได้ทันช่วงเปลี่ยนผ่านของมาตรการ CBAM ผลจากการประเมิน จะช่วยให้อุตสาหกรรมอลูมิเนียมมีค่า CBAM กลางของประเทศ เพื่อใช้ต่อยอดในการเจรจาทางการค้า และพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขัน

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ก.ย.65 กลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียม ส.อ.ท. และศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ลงนามความร่วมมือเรื่องการจัดทำฐานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียม เพื่อรองรับมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (Carbon Border Adjustment Mechanism :CBAM) ซึ่งเป็นการกำหนดราคาสินค้านำเข้าบางประเภทที่มีความเสี่ยงสูงต่อการรั่วไหลของคาร์บอน เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเข้ามาในอียู

โดยมีสมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียม ร่วมโครงการจำนวนรวม 11 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท แคป โกลบอล อลูมิเนียม จำกัด, บริษัท ซังเคียว ทาเทยาม่า อัลลอยด์ (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท ไทยเม็ททอล อลูมิเนียม จำกัด, บริษัท ทอสเท็ม ไทย จำกัด, บริษัท ไมย์เออร์ อลูมิเนียม (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท นิคเคสยามอลูมิเนียม จำกัด, บริษัท ยูเอซีเจ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท วโรปกรณ์, บริษัท โกลด์สตาร์ เมททอล จำกัด, บริษัท เมืองทองอุตสาหกรรมอาลูมีเนียม จำกัด และบริษัท แอลเมทไทย จำกัด

สำหรับประเทศไทย ได้มีการใช้อลูมิเนียมในอุตสาหกรรมก่อสร้างในงานที่เกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ เช่น กระป๋องอลูมิเนียมในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์แบบดั้งเดิม และยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า จากการที่ประเทศไทยเป็นทั้งฐานการผลิตรถยนต์และฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก จึงถือได้ว่าอุตสาหกรรมอลูมิเนียม มีความสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมอลูมิเนียมของประเทศไทยในปัจจุบัน ยังไม่มีหน่วยงานหลักจากภาครัฐที่คอยให้การสนับสนุนโดยตรงเหมือนอุตสาหกรรมอื่นๆ ในประเทศ มีเพียงกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอลูมิเนียม ภายใต้ ส.อ.ท. ที่เป็นจุดศูนย์รวมของผู้ประกอบการอลูมิเนียมเท่านั้น

ประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของการดำเนินโครงการการจัดทำฐานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียม เพื่อรองรับมาตรการ CBAM ซึ่งในเรื่องนี้ มีกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอยู่ภายใต้สังกัดอยู่ 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มไฟฟ้า ซีเมนต์ ปุ๋ย (เคมี) เหล็ก และอลูมิเนียม

ทั้งนี้ กลุ่มอลูมิเนียมเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมแรก ที่สามารถดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อรองรับมาตรการ CBAM ได้สำเร็จ และสามารถนำผลจากโครงการฯ ไปช่วยผลักดันอุตสาหกรรมอลูมิเนียม และอุตสาหกรรมอื่นๆ ในประเทศให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป

"เรามุ่งหวังว่าการดำเนินงานนี้ จะนำไปสู่การปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อลดภาระทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในอนาคต และนำไปสู่เป้าหมายให้เกิดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ต่อไป" นายเกรียงไกร กล่าว

นายธีรพันธุ์ พิมพ์ทอง ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียม ส.อ.ท. กล่าวว่า สมาชิกในกลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียม ประกอบด้วย ผู้ประกอบการจากกลุ่มอุตสาหกรรมหล่อบิลเล็ต กลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียมหน้าตัด และกลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียมแผ่นม้วน จำนวน 11 โรงงาน แบ่งเป็นกลุ่มโรงงานอลูมิเนียมแผ่นโดยกระบวนการรีด (rolling) 4 โรงงาน กลุ่มโรงงานหล่อบิลเล็ตและอลูมิเนียมเส้นหน้าตัดโดยกระบวนการอัดขึ้นรูป (extruding) 7 โรงงาน เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ส่วนประกอบของสิ่งก่อสร้าง กระป๋องอลูมิเนียม ชิ้นส่วนรถยนต์ ลวดเกลียว เคเบิล ของใช้อื่นๆ ที่ทำด้วยอลูมิเนียม เป็นต้น ได้ดำเนินการกับศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) เป็นระยะเวลา 1 ปี ในการจัดทำค่ากลางของผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมตามกรอบ CBAM ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่บิลเล็ต อลูมิเนียมเส้นหน้าตัด และอลูมิเนียมแผ่นม้วนภายในประเทศ

ความสำเร็จของการดำเนินโครงการในช่วงเฟส 1 จะส่งผลให้ผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียมที่เข้าร่วมโครงการฯ ทราบถึงปริมาณการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตามกรอบ CBAM สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมในระดับประเทศ ซึ่งสามารถนำไปเปรียบเทียบกับทางยุโรป และจะทำให้ทราบว่าต้องมีการปรับปรุงมากน้อยเพียงใด

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจะทราบถึงรายการสารขาเข้า และสารขาออก ของแต่ละกระบวนการผลิตย่อยของบริษัทตนเอง หรือกระบวนการผลิตรวมของกลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียม ซึ่งสามารถนำไปสู่การต่อยอด วิเคราะห์ หาจุดที่ต้องปรับปรุงในแต่ละกระบวนการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตได้อีกด้วย

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมปลายน้ำ เช่น เคเบิ้ล ลวดเกลียว ส่วนประกอบสิ่งก่อสร้าง กระป๋องอลูมิเนียม ชิ้นส่วนรถยนต์ และอื่นๆ ยังสามารถนำค่ากลางของผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมนี้ ไปประมาณการเพื่อทราบปริมาณการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามกรอบ CBAM ของผลิตภัณฑ์ปลายทาง เพื่อเข้าถึงต้นทุนที่รวมกับค่า CBAM Certification ในกรณีที่ต้องจ่าย เพื่อประเมินว่าสามารถแข่งขันกับผู้ผลิตภายในยุโรปหรือผู้นำเข้ารายอื่นๆ ได้หรือไม่ และควรมีการดำเนินการอย่างไร เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในอนาคต

หลังจากนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียมและ MTEC จะดำเนินงานในช่วงเฟส 2 ต่อ เพื่อประเมินและวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการผลิตตามวัฏจักรชีวิต (Life Cycle Assessment: LCA) ต่อไป

นายจุลเทพ ขจรไชยกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ศูนย์เทคโนโลยีโลหะฯ เป็นหน่วยงานหลัก ที่ดำเนินการด้านการประเมินวัฏจักรชีวิต (Life Cycle Assessment :LCA) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐานสากล ISO 14040/14044 Standards เพื่อใช้ประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น โดยพิจารณาตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลเชิงปริมาณหรือตัวเลขบ่งชี้ด้านวิทยาศาสตร์เป็นส่วนสำคัญในการพิจารณา

โดยข้อมูลเชิงปริมาณที่สำคัญสำหรับการประเมิน LCA นี้ เรียกโดยทั่วไปว่า บัญชีรายการสิ่งแวดล้อม (LCI) ซึ่งในการประเมิน LCA ของผลิตภัณฑ์หรือบริการหนึ่งๆ ต้องอาศัยฐานข้อมูล LCI เป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สวทช. จึงพิจารณาแล้วเห็นควรในการร่วมมือดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลของอุตสาหกรรมอลูมิเนียมที่สามารถสะท้อนและเป็นตัวแทนของข้อมูลภาคการผลิตของกลุ่มอลูมิเนียมของประเทศไทย ผ่านโครงการของศูนย์ข้อมูลวัฏจักรชีวิตแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

นายจิตติ มังคละศิริ หัวหน้าทีมวิจัยสถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน กล่าวว่า การจัดทำฐานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียม เพื่อรองรับมาตรการ CBAM นี้ ได้ใช้เทคนิคการประเมิน LCA มาใช้ในการดำเนินงาน ซึ่งจะได้ข้อมูลปริมาณก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ หรือ Embedded emission และฐานข้อมูลบัญชีรายการสิ่งแวดล้อมตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (LCI database) ทั้งข้อมูลแบบ Gate to Gate และ Cradle to Gate โดยข้อมูลที่รวบรวมตามหลักการการประเมินวัฏจักรชีวิตนั้น สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิต ตลอดจนสามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานด้านนโยบายสิ่งแวดล้อมของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการได้อีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ