นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์แนวคิดที่จะแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็น 2 รอบว่า เป็นการเสนอทางเลือกใหม่ซึ่งมีทั้งคนที่ชอบและคนไม่ชอบ แนวคิดดังกล่าวเป็นทางเลือกว่าจะจ่าย 2 รอบหรือรอบเดียวก็ได้ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี การแบ่งจ่ายสองรอบจะถือเป็นการแบ่งเบาภาระสำหรับคนที่มีหนี้สิน สามารถไปจ่ายหนี้สินได้เร็วขึ้น ส่วนคนที่เป็นหนี้ก็สามารถแบ่งจ่ายเป็นสองงวดได้
ส่วนที่มีบางคนบอกว่ารัฐบาลมีปัญหาเรื่องกระแสเงินสดนั้นไม่ใช่ความจริง เพราะเป็นการจ่ายเร็วขึ้นในทุกๆ ครึ่งเดือนและปลายเดือน ถ้าใครไม่มีหนี้ก็สามารถนำเงินไปทำประโยชน์อย่างอื่นได้ ไปลงทุน หรือฝากธนาคารได้ ซึ่งถ้าหากไม่ชอบรูปแบบนี้ก็สามารถเลือกแบบเดิมได้
"ให้เป็นทางเลือก มีแต่เสมอตัวกับดีขึ้น ผมเข้าใจว่าการเสนอทางเลือกใหม่ มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ แต่รัฐบาลบริหารจัดการประเทศโดยที่มีขีดงบประมาณจำกัด เราคำนึงถึงทุกๆ มิติของการออกนโยบายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ อะไรที่ไม่เป็นภาระงบประมาณ ซึ่งตรงนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่เป็นโปรแกรมใหม่เท่านั้นเองว่าจะจ่ายเงินเมื่อไหร่อย่างไร โดยคำนึงถึงวินัยการเงินการคลังด้วยเหมือนกัน มีหลายคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เพิ่งเข้ามา ก็อาจจะมีปัญหาภาระด้านการเงิน ที่อาจจะต้องแบ่งจ่าย ชักหน้าไม่ถึงหลังเท่านั้นเอง และทางกรมบัญชีกลางก็จะทำ ออปชั่นให้เลือก ว่าจะเอาแบบไหน" นายเศรษฐา กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า แนวคิดดังกล่าวได้สอบถามข้าราชการในทุกระดับ และคาดหวังว่าบริษัทต่างๆ อาจจะนำไปเป็นทางเลือก ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดี
ส่วนข้อกังวลเรื่องการจ่ายหนี้สินครู นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า สามารถแบ่งจ่ายเป็น 2 รอบได้ และสามารถพูดคุยกับสถาบันการเงินได้ เชื่อว่าสถาบันการเงินสามารถทำได้ เพราะต้องการแค่หนี้คืน โดยจะแบ่งจ่ายอย่างไรก็ได้ ซึ่งเชื่อว่า ทุกคนทราบดีว่าประชาชนประสบปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องกระแสเงินสด
ส่วนเรื่องผลตอบแทนของข้าราชการที่สูงขึ้นถือเป็นแผนระยะยาวที่จะต้องดูในองค์รวมทั้งหมดของจำนวนข้าราชการที่เกษียณ และข้าราชการที่เข้ามาใหม่ ซึ่งหากมีความพร้อมจะแถลงให้ทราบอีกครั้ง เพราะเรื่องปากท้องของข้าราชการเป็นเรื่องที่อยู่ในใจของคณะรัฐมนตรีอยู่แล้ว แต่เกรงว่าหากพูดอะไรไปก่อนอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด ขอรอให้พร้อม และจะดำเนินการให้ การประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกก็พยายามที่จะออกนโยบายดีๆ ออกมา ส่วนเรื่องรายละเอียดและระยะเวลาก็ต้องตามมา ส่วนบางครั้งเมื่อมติออกมาอาจจะยังไม่ครบถ้วนก็อาจจะถูกตำหนิ แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด ทำให้คนหมู่มากมีความสุข และนโยบายโดนใจทุกคน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่มีกระแสลบออกมาต่อต้านความหวังดีของตนนั้นก็จะสู้ต่อ ไม่มีอะไร ทราบดีอยู่แล้วว่าการออกนโยบายใดต้องมีทั้งกระแสลบและกระแสบวก เพราะคนชมก็มีมาก แต่ก็ต้องฟังทุกเสียง ทั้งคำติและคำชม เพราะเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว เสียงบางเสียงก็มีประโยชน์ ขอให้ตำหนิอย่างสร้างสรรค์