นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เข้ากระทรวงวันแรก เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ตั้งเป้าหมายเชิงท้าทาย สร้างรายได้รวมการท่องเที่ยวจากทั้งตลาดในและต่างประเทศ 4 ล้านล้านบาทให้ได้เร็วที่สุด โดยแบ่งเป็นรายได้การท่องเที่ยวเฉพาะตลาดต่างประเทศ 3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ก่อนโควิดระบาดที่สร้างรายได้ราว 2 ล้านล้านบาท ส่วนรายได้ตลาดในประเทศวางเป้าไว้ที่ 1 ล้านล้านบาทตามเดิม
รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า เป้าหมายดังกล่าวอยากทำให้ได้สำเร็จโดยเร็วที่สุด เพราะจากที่รับมอบนโยบายจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ต้องการนำการท่องเที่ยวมาช่วยฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาโดยเร็ว
"ตอนนี้ ครม.เห็นว่ากระทรวงท่องเที่ยวฯ เป็นกระทรวงที่สร้างรายได้ให้กับประเทศได้เร็ว อย่างที่นายกฯ พูดว่าเป็น Quick Win นายกฯ ให้เป้าเชิงนโยบายว่าเราน่าจะไปถึง 3 ล้านล้านบาทสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยให้เครื่องมือมา ก็เป็นที่มา 3 ล้านล้านบาท รวมกับรายได้จากท่องเที่ยวในประเทศอีก 1 ล้านล้านบาท รวมเป็น 4 ล้านล้านบาท เป้าท้าทายไม่ได้ระบุปี แต่เราอยากทำให้ได้เร็วที่สุด สิ่งที่เราบอกไปเรายังไม่เคยทำ เหมือนฟรีวีซ่าจีน ก็ยังไม่เคยทำ ขอทำงานก่อน อยากจะเก็บข้อมูลตลอด เมื่อตัวเลขชัดเจนก่อน เพราะเดิมไม่เคยมีข้อมูลและไม่เคยทำ"
ทั้งนี้ กระทรวงท่องเที่ยวฯ ได้เป็นพันธมิตรทุกกระทรวง และเรื่องท่องเที่ยวตอนนี้ได้นโยบายชัดเจนจากนายกรัฐมนตรี ฉะนั้นทุกระทรวงก็มาร่วมด้วยช่วยกัน ไม่ใช่แค่กระทรวงท่องเที่ยวฯ ทุกกระทรวงที่สามารถขับเคลื่อนเรื่องการท่องเที่ยว ก็เป็นสิ่งที่ดี อันนี้คือจุดแข็งของกระทรวงท่องเที่ยวฯ เพราะทุกกระทรวง เราร่วมด้วยช่วยกัน ยกตัวอย่างเรื่องนโยบายฟรีวีซ่าที่ช่วยกันทำให้ทัน 25 ก.ย.เริ่มใช้เพื่อรับนักท่องเทียวจีนทันวันชาติของจีนในช่วงต้นต.ค.
ส่วนในปี 67 กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยว 35 ล้านคน หรือเท่ากับ 100% ในปี 62 หรือก่อนโควิด โดยเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 ล้านล้านบาท และในประเทศ 1 ล้านล้านบาท ที่ตั้งเป้า 180 ล้านคน/ครั้ง
รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวถึงแนวทางที่จะสร้างรายได้การท่องเที่ยว คือการทำให้นักท่องเที่ยวอยู่เที่ยวไทยนานขึ้น และมีค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงขึ้น ได้แก่ การจัดอีเว้นท์ใหญ่ การชูไทยเป็น Entertainment Hub ดีงการแสดงดนตรีที่มีชื่อเสียงเข้ามาแสดงในไทย การท่องเที่ยวแบบ Sport Tourism นำ Soft Power แต่ละภาคมาจัดอีเว้นท์ หรือการชิงเจ้า Event Hub กับสิงคโปร์ เป็นต้น ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ ก็ต้องขยับงบประมาณเพิ่ม เพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายที่สูงขึ้นด้วย
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวอีกว่า จากนโยบายฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานคาดว่าในช่วง ต.ค.-ธ.ค. 66 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเพิ่มอีกประมาณ 7 แสนคน
ด้านนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวในปีนี้อยู่ที่ 2.38 ล้านล้านบาท และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 28 ล้านคน ซึ่งเป็นห่วงว่าในช่วง 4 เดือนที่เหลือจะได้ตามเป้าหรือไม่ เพราะนักท่องเที่ยวจีนและอินเดียหดหายไป
แต่เมื่อมีนโยบายฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน ก็คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเพิ่มเข้ามา 30% จากเดิมที่ไม่มีฟรีวีซ่าอยู่ที่ 3.6-3.7 ล้านคน เพิ่มเป็น 4.1-4.4 ล้านคนเมื่อมีฟรีวีซ่า
ขณะนี้ ททท.ได้รับการตอบรับจากเอเยนต์ท่องเที่ยวและสายการบิน หรือ Online Travel Abgency (OTA) อย่าง Booking.com ดีมาก ราคาตั๋วโดยสารเริ่มแพง อาจต้องมีการเติมที่นั่งของสายการบิน และการจัด slot การบินเพิ่มขึ้น โดย Seat Capacity เที่ยวบินจีน ช่วง 1 ต.ค.66-31 มี.ค.67 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 2.52 ล้านที่นั่ง หรือเท่ากับ 38%ของปี 62 ก่อนโควิด และคาดอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) น่าจะอยู่ที่ 85% ทั้งนี้อาจจะเพิ่มที่นั่งได้มากขึ้นกว่าเดิม หรืออาจมีการจัดเครื่องบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลท์)
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานให้นายกรัฐมนตรี พบกับนายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีของจีน ในช่วงวันที่ 7-10 ต.ค.นี้ ซึ่ง ททท.เตรียมพาผู้ประกอบการรายใหญ่ร่วมคณะไปด้วย นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีก็พร้อมมาเป็นพรีเซนเตอร์เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวไทย