นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า บสย. พร้อมเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs รายย่อย เข้าถึงแหล่งทุนและสินเชื่อในระบบ โดยล่าสุด ได้จับมือกับธนาคารออมสิน เสริมสภาพคล่อง SMEs รายย่อย กลุ่มอาชีพอิสระ ในโครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs เข้มแข็ง (PGS 10) "SMEs Small Biz" เพื่อ SMEs รายย่อย อาชีพอิสระ พี่วิน ผู้ขับขี่รถสาธารณะ และผู้ค้าออนไลน์
ทั้งนี้ บสย. ได้เตรียมวงเงินค้ำ "SMEs Small Biz" จำนวน 1,200 ล้านบาท เพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อกลุ่มดังกล่าว ค้ำประกันสินเชื่อตั้งแต่ 10,000 - 200,000 บาท/ราย ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ 2 ปี ระยะเวลาค้ำประกันสูงสุด 10 ปี เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs มีอาชีพ มีเงินทุน และมีสภาพคล่อง ในช่วงที่ค่าครองชีพสูง ดอกเบี้ยขาขึ้น คาดว่าจะช่วยผู้ประกอบการได้ประมาณ 10,000 ราย
นอกจากนี้ บสย. ยังมีโครงการค้ำประกันสินเชื่อ "SME Start up" สำหรับผู้ประกอบการน้องใหม่ที่ยังไม่เคยใช้สินเชื่อ สามารถเข้าถึงแหล่งทุนและสินเชื่อได้ วงเงินค้ำประกัน 10,000-100,000 บาท/ราย ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปี และรัฐบาลช่วยสนับสนุน เพื่อเพิ่มโอกาสการมีกิจการเป็นของตัวเอง และเข้าถึงแหล่งทุนในระบบ
"โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs เข้มแข็ง (PGS 10) เป็นโครงการตามมาตรการรัฐ ได้รับจัดสรรวงเงินโดยมติ ครม. วงเงิน 50,000 บาท เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยการพัฒนาโมเดลค้ำประกันตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายทุกเซกเมนต์ (Segmentation Targeting ) และสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ" นายสิทธิกร ระบุ
ภายใต้โครงการดังกล่าว บสย. ได้แบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ค้ำประกันเป็น 2 กลุ่มหลัก รวม 6 เซกเมนต์ ได้แก่
1. กลุ่ม SMEs ประกอบด้วย 4 เซกเมนต์ คือ (1) SMEs Smart Biz (2) SMEs Smart One (3) Smart Green (4) SMEs Smart Plus & Top up
2. กลุ่ม Micro หรือกลุ่ม SMEs รายย่อย ประกอบด้วย 2 เซกเมนต์ คือ (1) SMEs Start up และ (2) SMEs Small Biz
พร้อมเงื่อนไขพิเศษ เพื่อลดภาระต้นทุนผู้ประกอบการ SMEs ด้วยการฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน ในช่วง 2-4 ปีแรก และระยะเวลาค้ำประกันสูงสุดถึง 10 ปี โดยคาดว่าโครงการ บสย. SMEs เข้มแข็ง (PGS 10) จะสามารถรองรับการค้ำประกันสินเชื่อได้ถึงปลายปี 2566 เนื่องจากวงเงินเต็มเร็วกว่าเป้าหมายเดิม ซึ่งจะสิ้นสุดโครงการในปี 2568