นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ชี้แจงกรณีรัฐบาลจะลดราคาสินค้าประมาณ 20 รายการในต้นต.ค. ภายหลังจากได้ปรับลดราคาน้ำมันดีเซล และค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตและการขนส่งสินค้าไปแล้วนั้นว่า น่าจะเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน เพราะจริงๆ แล้ว จะต้องมาดูก่อนว่าน้ำมันดีเซล และค่าไฟฟ้า คิดเป็นสัดส่วนเท่าไรของต้นทุนการผลิตทั้งหมด และจะมีผลทำให้ราคาสินค้าลดลงได้หรือไม่ อย่างไร และมีสินค้าใดบ้าง เพราะยังมีต้นทุนผลิตอื่นๆ อีก เช่น ต้นทุนวัตถุดิบ ที่จะต้องมาดูว่า เพิ่มขึ้นหรือลดลง ถึงจะเป็นขั้นตอนที่จะลดราคาสินค้าต่อไป
"ได้ให้เวลากรมการค้าภายใน 15 วัน ในการดูโครงสร้างต้นทุนราคาสินค้า หรือต้นเดือนต.ค.นี้ ถึงจะได้ข้อมูลว่าต้นทุนสินค้าใดเป็นอย่างไร ค่าไฟฟ้า และดีเซล มีสัดส่วนเท่าไร แต่จะยังไม่รู้ว่าจะมีสินค้ารายการใด ปรับลดราคาลงได้หรือไม่ ซึ่งจะนำข้อมูลนี้มาหารือกับผู้ประกอบการก่อน ว่าจะมีรายใดลดราคาได้หรือไม่ โดยจะเน้นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของประชาชน" นายภูมิธรรม กล่าว
นอกจากนี้ ยังจะต้องหารือกับผู้ประกอบการต่างๆ ทั้งผู้ผลิตสินค้า ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง เพื่อรับทราบข้อมูล ข้อเท็จจริงอีกทางหนึ่งด้วย โดยยืนยันว่า การลดราคาสินค้าจะดูแลให้มีความยุติธรรมกับทุกฝ่าย เพราะไม่อยากให้กลายเป็นการสร้างปัญหาใหม่ และจะต้องหาจุดสมดุล ภายใต้การดำเนินการของรัฐบาลที่ต้องการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้ประชาชน
สำหรับอาหารปรุงสำเร็จที่ขายในฟู้ดคอร์ดของห้างต่างๆ มีโอกาสจะปรับลดราคาลงมาได้หรือไม่ เพราะผู้ประกอบการได้รับผลดีจากการลดค่าไฟฟ้าด้วยนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า คงต้องให้ผู้ประกอบการมีส่วนช่วยคิดด้วยว่าจะลดราคาในส่วนใดได้บ้าง ซึ่งคงไม่ได้ขึ้นอยู่กับต้นทุนค่าไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว