นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ (Pig board) ครั้งที่ 1/2566 วานนี้ (20 ก.ย.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการรักษาเสถียรภาพราคาสุกร ซึ่งเห็นควรจัดตั้งคณะทำงานเพื่อดูแลราคาสุกรอย่างจริงจัง และเห็นชอบโครงการชดเชยดอกเบี้ยเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ปี 2566
พร้อมกันนี้ได้เสนอให้มีการต่อยอดระบบฐานข้อมูล Big Data ด้านปศุสัตว์ โดยขยายขอบเขตการใช้งานสู่สาธารณะเพื่อเป็นแพลตฟอร์มสำหรับผู้เลี้ยงสุกรในไทยสามารถใช้งานร่วมกันได้ทั้งระบบ และแนวทางกำหนดราคาขายสุกรมีชีวิต ตามโครงสร้างต้นทุนการผลิต ซึ่งจะหาแนวทางร่วมกันเพื่อประโยชน์สูงสุดของเกษตรกรต่อไป
ขณะเดียวกัน ได้มอบแนวทางสำหรับการขับเคลื่อนการรักษาเสถียรภาพราคาสุกรตามนโยบาย "ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้" ประกอบไปด้วย 7 แนวทางการดำเนินงาน ดังนี้
1. จัดทำ Big data ของอุตสาหกรรมการผลิตสุกร เช่น ข้อมูลฟาร์ม/ โรงฆ่า/ จำนวนสุกร การขึ้นทะเบียนผู้เลี้ยง/ พ่อค้าคนกลาง เป็นต้น
2. ดำเนินการปราบปรามสุกรเถื่อนทั้งระบบอย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำเข้า/ ห้องเย็น/ สถานที่จำหน่าย
3. การขับเคลื่อนและผลักดันการส่งออกสุกรมีชีวิต ซากสุกร และอื่นๆ เพื่อระบายสุกรส่วนเกินออกจากระบบ
4. วิเคราะห์ข้อมูลและปรับสมดุลการผลิต ให้สอดคล้องกับความต้องการบริโภค โดยยึดหลักตลาดนำการผลิต
5. การส่งเสริมการแปรรูป ดึงปริมาณเนื้อสุกรออกจากตลาด มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์
6. การรณรงค์และประชาสัมพันธ์เพื่อกระตุ้นการบริโภคผลผลิตจากสุกร
7. การจัดตั้งกองทุนพัฒนาสุกร เพื่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมการผลิตสุกร
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์การผลิตการตลาดสุกรในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่
1. สถานการณ์การผลิตการตลาดสุกรของโลก โดยผลผลิตเนื้อสุกรอยู่ที่ 114.759 ล้านตัน ซึ่งมีการปรับเพิ่มจากที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากจีน แคนาดา และบราซิล มีการผลิตเพิ่มขึ้น ส่วนสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และเม็กซิโก มีการผลิตลดลง
2. สถานการณ์การผลิตการตลาดสุกรของไทย จากผลการประชุมคณะอนุกรรมการวิเคราะห์การผลิต และการตลาดสุกรครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 66 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการทบทวนศักยภาพการผลิตสุกรในปัจจุบัน ภายหลังการฟื้นตัวจากโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) โดยเกษตรกรใช้สายพันธุ์สุกรที่ดีมีการป้องกันทางชีวภาพที่ดีขึ้น เพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค
ทั้งนี้ คาดว่าผลผลิตสุกรออกสู่ตลาด ในปี 66 อยู่ที่ 19.73 ล้านตัว ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 65 ถึง 25% ในส่วนผลผลิตของสุกรของเดือนก.ค. 66 อยู่ที่ 1.81 ล้านตัว ซึ่งเป็นปริมาณที่มากที่สุดตั้งแต่ม.ค. 64 และช่วงปี 66 มีสุกรเข้าฆ่าเฉลี่ย เดือนละ 1.61 ล้านตัว โดยเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตและราคาสุกรมีชีวิตในปี 66 เกษตรกร มีต้นทุนการผลิต 92.77 บาท/กิโลกรัม และมีรายได้จากการจำหน่าย 79.48 บาท/กิโลกรัม เนื่องจากการผลิตเพิ่งฟื้นตัวจาก ASF และยังคงมีปัญหาต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์แพง
ในที่ประชุม ยังมีการรับทราบความก้าวหน้าการป้องกัน ปราบปรามการลักลอบการนำเข้าเนื้อและเครื่องในสุกรที่ผิดกฎหมาย โดยมีการสร้างความเข้าใจขั้นตอนการนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ที่ถูกต้อง และการตรวจสินค้าปศุสัตว์ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนปรามปราบการลักลอบเนื้อสุกรให้กับผู้ประกอบการห้องเย็น ตลอดจนเพิ่มการตั้งด่านสกัดตรวจสินค้านำเข้าตามแนวชายแดน ด่านกักกันสัตว์ท่าเรือ ท่าอากาศยานอย่างเข้มงวด และมีมาตรการป้องกันการลับลอบเคลื่อนย้ายสัตว์-ซากสัตว์ในประเทศ 47 จุดและจัดมาตรการป้องกันการซื้อขายสุกรเถื่อนบนสื่อสังคมอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
"มาตรการทำลายซากสุกรเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องเกษตรกร และผู้ประกอบการทุกภาคส่วน ซึ่งสังคมกำลังจับตามองอยู่ ต้องเข้มงวด และไม่ให้เกิดการเล็ดลอดออกสู่ตลาด โดยที่ผ่านมามีผลการดำเนินการยังคับใช้กฎหมายในการลักลอบนำเข้าซากสุกรเข้าราชอาณาจักร ประจำปีงบประมาณ 2565-2566 รวมทั้งหมด 238 ครั้ง มีการทำลายของกลางไปแล้วทั้งสิ้น 1,049,860 กิโลกรัม อยู่ระหว่างรอทำลาย ดำเนินคดี และรอคำสั่งศาล จำนวน 92,627 กิโลกรัม รวมซากของกลางทั้งหมด 1,142,487 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 190,426,840 บาท" นายไชยา กล่าว