นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยสถิติการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนส.ค. 66 ประกอบด้วย
ในเดือนส.ค.66 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วน บริษัทใหม่ ทั่วประเทศ 7,424 ราย เพิ่มขึ้น 0.08% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8.41% จากเดือนก.ค.66 โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียน 24,905.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 584 ราย คิดเป็น 8% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 482 ราย คิดเป็น 6% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 360 ราย คิดเป็น 5%
ทั้งนี้ การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.66) มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 61,558 ราย เพิ่มขึ้น14.90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ในเดือนส.ค.66 มีธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการ 2,007 ราย เพิ่มขึ้น 3.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7.5% จากเดือนก.ค.66 โดยคิดเป็นมูลค่าทุนจดทะเบียน 7,038.02 ล้านบาท ลดลง 43.71% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
โดยประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 172 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 85 ราย คิดเป็น 4% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 49 ราย คิดเป็น 2%
ส่งผลให้ยังมีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 31 ส.ค.66 รวมทั้งสิ้น 888,090 ราย คิดเป็นมูลค่าทุน 21.51 ล้านล้านบาท จำแนกเป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 202,589 ราย คิดเป็น 22.81% บริษัทจำกัด 684,080 ราย คิดเป็น 77.03% และบริษัทมหาชนจำกัด 1,421 ราย คิดเป็น 0.16%
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเดือนส.ค.66 เป็นการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่สูงสุดในรอบ 10 ปี ของเดือนส.ค.(ส.ค.57-66) และสูงสุดในรอบ 10 ปี เป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน (ม.ค.- ส.ค.66) ส่งผลให้ 8 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุดในรอบ 10 ปี (57 - 66)
ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการจดทะเบียนธุรกิจให้เติบโตสูงขึ้น ยังคงมาจากภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก สะท้อนจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย 8 เดือนแรก ปี 66 มีจำนวนการจดจัดตั้งใหม่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 60.66% (ธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเติบโต 1.89 เท่า ตัวแทนธุรกิจการเดินทาง เติบโต 1.41 เท่า, ธุรกิจจัดนำเที่ยวเติบโต 1.03 เท่า, ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร เติบโต 45.46% และธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และห้องชุด เติบโต 42.86%)
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจน่าจับตามองที่เติบโตกว่า 1 เท่าตัว จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (8 เดือนแรก ปี 2565) ได้แก่ ธุรกิจขายส่งข้าวเปลือกและธัญพืช เติบโต 2.07 เท่า (เพิ่มขึ้น 118 ราย) จากนโยบายส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิตข้าวรักษ์โลก ธุรกิจบริการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้าง เติบโต 1.70 เท่า (เพิ่มขึ้น 311 ราย) จากภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัว ทำให้มีธุรกิจที่รับบริหารจัดการเกี่ยวกับที่พักอาศัย โรงแรม รีสอร์ท บ้านพักตากอากาศเพิ่มมากขึ้น ธุรกิจให้เช่าและให้เช่าแบบลิสซิ่งยานยนต์เติบโต 1.40 เท่า (เพิ่มขึ้น 155 ราย) จากภาคการท่องเที่ยวที่เติบโต และภาคธุรกิจที่นิยมการเช่ารถยนต์มากขึ้น และธุรกิจการปลูกพืชประเภทเครื่องเทศเครื่องหอมยารักษาโรค และพืชทางเภสัชภัณฑ์เติบโต 1.12 เท่า (เพิ่มขึ้น 201 ราย)
ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า คาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งของปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 32,000 - 39,000 ราย และตลอดทั้งปี 2566 จะอยู่ที่ประมาณ 79,000 - 86,000 ราย