กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งมีมติเอกฉันท์ ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง 0.25% ต่อปี จาก 2.25% ต่อปี สู่ระดับ 2.50% ต่อปี ซึ่งเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 8 ติดต่อกัน นับจากอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำสุดในเดือนสิงหาคม 2565 โดยมีความเห็นว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แม้จะชะลอตัวลงในปีนี้ก็ตามนั้น
จากถ้อยแถลงระบุว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นจากทั้งอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศ โดยมีการปรับตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่ามีแนวโน้มขยายตัว 2.8% ลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.6% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในปี 2567 ผลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 2.6%
สำหรับค่าเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสั้น ๆ ก่อนจะปรับลงสู่ระดับก่อนการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 36.55 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ค่าเงินบาทปรับลงราว 5.8% โดย กนง. ยังได้กล่าวถึงการอ่อนค่าลงของเงินบาท ซึ่งเป็นผลจากนโยบายการเงินของเฟด และนักลงทุนในตลาดต่างเฝ้ารอดูความชัดเจนของนโยบายภาครัฐ ที่อาจส่งต่อเศรษฐกิจโดยรวม และเสถียรภาพด้านการคลังในอนาคต
ทั้งนี้ การประชุม กนง.ในครั้งต่อไป จะเกิดขึ้นวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งจากท่าทีของที่ประชุม กนง.ในวันนี้ แม้ยังคงมีความกังวลถึงความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อ โดยมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นจากนโยบายภาครัฐ และต้นทุนราคาอาหารที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี เป็นครั้งแรกที่ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว
ดังนั้น กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประเมินว่า มีความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ 2.50% จะเป็นระดับสูงสุดในวัฎจักรนี้