ภาวะตลาดเงินบาท: เย็นนี้ 36.81 อ่อนค่าช่วงเช้า ตลาดจับตาถ้อยแถลงประธานเฟด-ตัวเลข GDP สหรัฐคืนนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 28, 2023 16:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 36.81 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดที่ระดับ 36.73 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 36.64 - 36.83 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งยังคงเป็นระดับอ่อนค่าในรอบ 10 เดือนครึ่ง

เงินบาทอ่อนค่าตามสกุลเงินในภูมิภาค เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ยังพุ่งต่อเนื่อง

สำหรับคืนนี้ต้องจับตาการถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจ สหรัฐฯ ที่ต้องติดตาม คือ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/66

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.65 - 36.90 บาท/ดอลลาร์

THAI BATH SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 36.7679 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 149.39 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 149.47 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0517 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0510 ดอลลาร์/ยูโร
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 66 ลงมาอยู่ที่ 3.0%
จากเดิม 3.6% เนื่องจากปัจจัยลบที่สำคัญ คือ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 2/66 ชะลอตัวกว่าที่คาด, มูลค่าการส่ง
ออกของไทยยังปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาด นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องความล่าช้าในการจัดทำงบประมาณปี 2567 รวมถึงสถานการณ์ภัยแล้ง
และฝนทิ้งช่วงจากปรากฎการณ์เอลนีโญ นอกจากนี้ หอการค้ายังคาดการณ์ว่าปี 66 ส่งออก -2.0% จากเดิมคาดโต 1.2% และคาดยอดนัก
ท่องเที่ยวปีนี้ 29 ล้านคน จากเดิมคาด 22 ล้านคน รับมาตรการวีซ่าฟรีหนุน ส่วนในปี 67 คาด GDP ขยายตัว 4.5-5% เงินเฟ้ออยู่ที่
2.7%
  • สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนส.ค. 66 อยู่ที่ระดับ 91.85 ลด
ลง 7.53%YoY จากการชะลอตัวของการส่งออกตามภาวะเศรษฐกิจโลก และกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าที่อ่อนแอ กดดันความต้องการสินค้า
อุตสาหกรรมลดลง ด้านเศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวช้า จากปัจจัยเสี่ยงปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ หวังนโยบายรัฐบาลใหม่จะ
ช่วยดันอำนาจซื้อประชาชนสูงขึ้น หนุน GDP อุตฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น
  • ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือน ส.ค. 66 ได้รับปัจจัยสนับ
สนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่องทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย การส่งออกสินค้าที่กลับมาขยายตัว
เป็นบวก และอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
  • หอการค้าไทย ประเมินว่า GDP ของไทยในปี 67 จะใกล้เคียงกับรัฐบาลที่ตั้งไว้ที่ 5% ได้ แม้จะเป็นเรื่องท้าทาย แต่หาก
ได้รับการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นนโยบายแจกเงินดิจิทัล ที่หากสามารถดำเนินการได้สำเร็จ น่าจะช่วยเพิ่ม GDP ได้
2-3% ภายใต้การส่งออกที่เติบโตที่มากกว่าปีนี้
  • ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต (TTB) กล่าวว่า ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก บัญชี ttb ME save ที่เสนอดอกเบี้ยพร้อมโบนัส
สูงสุด เป็น 2.20% ต่อปี โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 66 นี้ เป็นต้นไป ซึ่งให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไปถึง
8.8 เท่า
  • ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นของไทยสิ้นสุดแล้ว หลัง

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ Neutral rate และจะคงดอกเบี้ยต่อเนื่องไปในปีหน้า โดย กนง. ได้

ดำเนินการปรับทิศทางนโยบายการเงินของไทยให้กลับเข้าสู่ระดับปกติ ที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะยาวแล้ว ผ่าน

การทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง 8 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 2.0% สู่ Terminal rate ที่ 2.5% ซึ่งน่าจะเป็นระดับ

Neutral rate ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยกลับมาเป็นบวก ซึ่งจะช่วยเสริมเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาวผ่านการ

ป้องกันการสะสมความไม่สมดุลทางการเงินที่เกิดจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ