นักบริหารเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เย็นนี้เงินบาทอยู่ที่ 36.48 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเปิดตลาดเมื่อ เช้าที่ระดับ 36.59 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลกหลังมีแรงเทขายดอลลาร์ออกมาเพื่อทำกำไร เนื่องจากบอนด์ยีลด์ปรับ ตัวย่อลงมา ระหว่างวันเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 36.40 - 36.64 บาท/ดอลลาร์
"ทิศทางบาทวันนี้ค่อนข้างผันผวนตามแรงเทขายดอลลาร์ทำกำไร แต่น่าจะเป็นภาวะช่วงสั้นๆ" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันจันทร์ไว้ที่ 36.40 - 36.65 บาท/ดอลลาร์ โดยคืนนี้ตลาดรอ ดูตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือน ส.ค.ของสหรัฐ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.5%
THAI BATH SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 36.4419 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 148.95 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 149.32 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0607 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0572 ดอลลาร์/ยูโร
- ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจง กนง.มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่าน
มา โดยให้น้ำหนักกับมุมมองเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า ซึ่งที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ในระดับต่ำมานานมากส่งผลให้หนี้ครัวเรือนอยู่
ในระดับสูง และสร้างพฤติกรรม Search for yield ดังนั้นการทำนโยบายการเงินจะต้องคำนึงถึงสถานการณ์ในระยะยาวด้วย ไม่ใช่
เพียงดูเฉพาะข้อมูลรายวันหรือข้อมูลระยะสั้นที่มักจะมีความผันผวนอยู่ตลอด
- ธปท. ระบุเศรษฐกิจไทยในเดือนส.ค.66 อยู่ในทิศทางฟื้นตัวตามรายรับในภาคการท่องเที่ยว อุปสงค์ในประเทศทั้งการ
บริโภคและการลงทุนภาคเอกชนชะลอลงบ้าง หลังจากเร่งขยายตัวในเดือนก่อน มูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำลดลงส่วนหนึ่งจากอุป
สงค์ประเทศคู่ค้าชะลอตัว ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมทรงตัว สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐยังคงขยายตัวจากรายจ่ายประจำ
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ชี้หากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐถูกปิดการดำเนินงานหรือชัตดาวน์จะส่งผลให้
เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญความเสี่ยง แม้จะเป็นความเสี่ยงที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ตาม พร้อมกับเรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรสเร่งบรรลุข้อ
ตกลงเพื่ออนุมัติงบประมาณให้กับหน่วยงานของสหรัฐ
- China Beige Book International (CBBI) เปิดเผยรายงาน China Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะ
เศรษฐกิจจีนในวันนี้ (29 ก.ย.) โดยระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงในเดือนก.ย. โดยยอดค้าปลีกและอำนาจในการ
กำหนดราคา รวมทั้งการผลิตภาคอุตสาหกรรม และการปล่อยเงินกู้ ต่างก็ชะลอตัวลงมากกว่าในเดือนส.ค.
- รัฐบาลญี่ปุ่น เผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลง 1.8% ในเดือนส.ค.หลังจากปรับตัวลง 1.8% ในเดือนก.ค.เช่นกัน
แต่มีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 5.8% ในเดือนก.ย. และคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนต.ค.