ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 36.96 ทรงตัวจากวานนี้ จับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ คืนนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 6, 2023 09:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 36.96 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากปิด ตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 36.97 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้ทรงตัวจากท้ายตลาด ขณะที่สกุลเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบไร้ทิศทาง ภาพใหญ่ตลาดรอตัวเลขการจ้างงาน นอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ คืนนี้ ซึ่งคาดว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 170,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานคาดลด ลงจาก 3.8% มาที่ 3.7% ซึ่งหากตัวเลขออกมาแข็งแกร่ง จะทำให้ดอลลาร์แข็งค่า และส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าได้

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 36.80 - 37.10 บาท/ดอลลาร์

SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 36.93750 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 148.56 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 148.94 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.0540 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0507 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 36.922 บาท/ดอลลาร์
  • "เศรษฐา" ทุ่ม 4.5 แสนล้านบาท ออกมาตรการทางการเงินเดินหน้าเศรษฐกิจสีเขียว หนุนเอกชนลงทุน 1.6 ล้านล้าน
ภายในปี 73 หัวโต๊ะบอร์ดเติมเงินหมื่นดิจิทัล ตั้ง "จุลพันธ์" คุมอนุฯ ขับเคลื่อนโครงการ ย้ำรอบคอบระมัดระวัง ยึดกรอบวินัย การคลัง
อาจารย์เศรษฐศาสตร์ร่อนแถลงการณ์จี้รัฐบาลทบทวนได้ไม่คุ้มเสีย
  • พาณิชย์ลดเป้าเงินเฟ้อทั่วไปปี 66 เหลือโต 1.0-1.7% มีค่ากลาง 1.35% จากเดิมคาดโต 1.0-2.0% ค่ากลาง 1.5%
หลังพบสัญญาณเงินเฟ้ออาจติดลบช่วงสิ้นปีนี้ จากมาตรการลดค่าไฟ ราคาดีเซล และราคาสินค้า ยันไม่ได้ลดจากกำลังซื้อลดส่วนจะเป็นผลให้
หยุดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ให้ถาม ธปท.
  • "ททท." มั่นใจปีนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวตามเป้า 25-30 ล้านคน เดินหน้า ลุยท่องเที่ยวยั่งยืน "ไทยแอร์เอเชีย" คาดปี
67 "สายการบิน" ขนผู้โดยสารกว่า 10% ทุกลำเตรียมบินเต็มที่ปี 68 รับทัวริสต์ต่างชาติฟื้น แตะ 40 ล้านคน จี้รัฐดึงลงทุนแหล่งท่อง
เที่ยว "แมน-เมด" ระดับโลกปักธงอีสานเสริมทัพท่องเที่ยวธรรมชาติ ทอท.เร่งเสริมศักยภาพสนามบินสู่ความยั่งยืน
  • สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย คาดว่า ปีนี้เงินลงทุนจากต่างประเทศของนักลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์)ไหลออกจากตลาด
ตราสารหนี้ไทยเกิน 150,000 ล้านบาท มากที่สุดในรอบ 8 ปี โดยส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในตราสารหนี้ระยะสั้น จากส่วนต่างของอัตรา
ดอกเบี้ยไทย-สหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้นหลังจากปี 58 ที่มีเงินต่างชาติขายออก 110,130 ล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วนการถือครองตราสารหนี้ไทยของ
นักลงทุนต่างชาติ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปีนี้ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.6% ของมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทยหรือคิดเป็นมูลค่ารวมอยู่ที่
940,000 ล้านบาท แม้ตราสารหนี้ไทยที่ต่างชาติถือครองมีอายุคงเหลือเฉลี่ยที่ 8.3 ปี เพิ่มขึ้นจาก 8 ปี เมื่อสิ้นปี 65
  • องค์การการค้าโลก (WTO) ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของการค้าโลกในปีนี้สู่ระดับ 0.8% จากระดับ
1.7% ที่มีการคาดการณ์ในเดือนเม.ย. โดยระบุว่า การค้าโลกได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร
กลางต่าง ๆ ซึ่งได้บั่นทอนกำลังซื้อของผู้บริโภคในสหรัฐ ยุโรป และเอเชีย
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นเพียง 2,000 ราย สู่ระดับ 207,000
รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 210,000 ราย
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขขาดดุลการค้าในภาคสินค้าและบริการของสหรัฐลดลง 9.9% สู่ระดับ 5.83 หมื่น
ล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.23 หมื่นล้านดอลลาร์
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (5 ต.
ค.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐชะลอตัวลง ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐใน
วันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (5 ต.ค) ทำสถิติปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 9 หลังสหรัฐเปิดเผยตัว
เลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และทำให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ
(เฟด) อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน
  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐในวันนี้ เวลาประมาณ 19.30 น.

ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 163,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากที่เพิ่ม

ขึ้น 187,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ย.จะลดลงสู่ระดับ 3.7% จากระดับ 3.8% ในเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ