นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ย้ำถึงการลงทะเบียนในโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตว่า ถือเป็นกลไกในการยืนยันตัวตน ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลเคยมีการใช้ระบบนี้ในการยืนยันตัวตนมาแล้ว ดังนั้นประชาชนที่รัฐบาลเคยมีฐานข้อมูลอยู่ราว 40 ล้านคน ที่ได้ผ่านกระบวนการยืนยันตัวตนมาแล้ว แต่เมื่อเข้าสู่โครงการนี้ จะเป็นลักษณะให้กดปุ่มยืนยัน เพื่อให้สามารถเข้าสู่โครงการอีกครั้ง
ส่วนคนที่ไม่เคยเข้าร่วมโครงการของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ประมาณ 10 ล้านคน ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนยืนยันตัวตน ดังนั้นภายใต้กฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงจำเป็นต้องมีกระบวนการยืนยันตัวตน
"เรื่องนี้จึงมีความจำเป็น โดยเฉพาะในระบบการเงิน ที่จะต้องรอบคอบ และรัดกุมเป็นไปตามกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับว่าการลงทะเบียน จะทำให้มีคนเข้าร่วมโครงการน้อยลง เนื่องจากคนที่จะลงทะเบียนหรือไม่ลงทะเบียน จะรู้ข้อมูลทีหลังอยู่แล้ว ซึ่งป้องกันวงเงินไว้ให้เพียงพอกับโครงการ" รมช.คลัง ระบุ
นายจุลพันธ์ ย้ำว่า โครงการของรัฐที่ผ่านๆ มา ก็ไม่ได้มีประชาชนลงทะเบียนมาใช้สิทธิครบทั้ง 70 ล้านคน ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่ได้แตกต่างกัน ดังนั้นเชื่อว่า ถ้าดำเนินโครงการไปแล้ว จำนวนผู้ลงทะเบียนอาจจะมีลดลงไปบ้าง ส่วนจะเป็นจำนวนเท่าไรก็ต้องดูความชัดเจนอีกครั้ง และร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็ต้องลงทะเบียนด้วย โดยกลางเดือนพ.ย.นี้ จะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนของร้านค้าก่อน โดยจะทำผ่านเป็นแอปพลิเคชั่นใหม่ที่ขณะนี้ยังไม่ได้ตั้งชื่อ
ส่วนที่มาของแหล่งเงินยังไม่มีความชัดเจน แต่ได้วางเป้าหมายไว้ว่าจะใช้งบประมาณเป็นหลัก โดยจะต้องไปดูรายละเอียด เพื่อมีตัวเลือกให้กับรัฐบาล และคณะทำงาน ที่จะพิจารณาเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุด
ส่วนจะเป็นการเกลี่ยงบประมาณของกระทรวงอื่นๆ มาใช้ในโครงการหรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้งบประมาณปี 2567 อยู่ระหว่างหน่วยงานส่งคำขอมาที่สำนักงบประมาณ จึงต้องไปดูรายละเอียดว่าโครงการไหนไม่มีความจำเป็น หรือโครงการไหนที่อาจจะดำเนินการไม่ทันในปีงบประมาณ หรือโครงการที่สามารถลดงบประมาณได้ ก็ต้องมีการปรับลด
"เมื่อมีการปรับลดแล้ว เงินที่เหลือมาก็ต้องนำมาใช้ในการพัฒนาการลงทุน และใช้ในโครงการที่มีความจำเป็น ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับนโยบายของรัฐ ทั้งนี้ ยังไม่ทราบว่าโครงการไหนจะถูกปรับลดงบประมาณ เป็นเรื่องของสำนักงบประมาณที่ต้องไปดูในรายละเอียด" รมช.คลัง ระบุ
พร้อมกันนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้สั่งการให้ลดงบประมาณแต่ละโครงการ แต่ให้ไปดูความจำเป็นของโครงการว่าควรจะมีอยู่หรือไม่ เมื่อได้ตัวเลขมาแล้วก็จะนำไปจัดสรรเพื่อให้งบประมาณลงตัว