นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ยืนยันเดินหน้านโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เชื่อมั่นช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสให้กับภาคประชาชนและครัวเรือน เป็นการกระตุกกำลังทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
"ขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ที่เห็นแก่ความตั้งใจจริงของรัฐบาล และต้องการช่วยเหลือประชาชน จึงออกมาสนับสนุนแนวความคิดนี้ ทั้งนี้ รัฐบาลจะนำข้อคิดเห็นต่างๆ มาพิจารณา เพื่อเป็นโอกาสให้ได้ปรับปรุงแนวทางในการดำเนินนโยบายให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น" นายชัย กล่าว
นายชัย กล่าวว่า จากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประชาชนกลุ่มตัวอย่าง จำนวนทั้งสิ้น 1,280 คน จากทั่วประเทศ ถึงทัศนะต่อนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท พบว่ามีสัดส่วนถึง 76.4% ที่จะใช้เงินดิจิทัล โดยอยากใช้ซื้อสินค้าในครัวเรือนมากที่สุด 24.5% รองลงมาคือ ใช้ซื้ออาหาร 21.0% ในขณะเดียวกัน มีกลุ่มตัวอย่าง 48.3% เชื่อว่าเงินดิจิทัลจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ได้มาก และ 35.6% เชื่อว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ปานกลาง
ทั้งนี้ ทางคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเงินดิจิทัล จะนำข้อเสนอแนะต่างๆ มาพิจารณาการประชุมในวันที่ 12 ต.ค.นี้ จากนั้นจะนำผลสรุปเสนอต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 24 ต.ค. 66
อย่างไรก็ดี รัฐบาลตั้งใจให้การดำเนินนโยบาย Digital Wallet ให้เศรษฐกิจปีหน้าเติบโต 5% เมื่อเศรษฐกิจขยายตัว จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เกิดการจ้างงาน และการลงทุน รัฐบาลจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น และสุดท้ายสามารถจัดทำงบประมาณสมดุลได้
ส่วนแหล่งที่มาของเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการนั้น จะมาจากหลายแหล่ง ทั้งการนำเงินงบประมาณส่วนเกินจากของหน่วยงานราชการ การใช้เงินตามมาตรา 28 ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 และอื่นๆ โดยจะมีการดำเนินการภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด
"รัฐบาลขอบคุณแนวความคิดเห็น ข้อชี้แนะ ที่ทุกภาคส่วนเสนอเข้ามา โดยพร้อมนำข้อเสนอแนะต่างๆ มาปรับปรุงให้เกิดความสมดุล อาทิ เงื่อนไข ข้อจำกัดต่างๆ ทั้งนี้ รัฐบาลต้องการให้เป็นนโยบายที่ได้ประโยชน์กับพี่น้องคนไทยมากที่สุด เกิดประโยชน์ในวงกว้าง เป็นการกระตุ้นทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อเพิ่มโอกาสให้พี่น้องคนไทยที่มีรายได้น้อย ลืมตาอ้าปากได้" นายชัย กล่าว