นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่พูดให้ประชาชนที่สนับสนุนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตออกมาส่งเสียงสนับสนุนจนทำให้บางฝ่ายมองว่าเป็นการแบ่งแยกประชาชนนั้นว่า ไม่ได้ต้องการให้เกิดการแบ่งแยก ไม่ได้เป็นการปลุกระดม แต่เป็นการขอให้รับฟังเสียงทุกเสียง ตนจึงอยากรับฟังเสียงเหมือนกัน เช่น ประชาชนบางคนก็บอกว่าระยะทาง 4 กิโลเมตรไม่มีร้านค้าสักร้านเดียว ตนจึงอยากให้ทุกคนออกมาแสดงความคิดเห็นด้วยเหมือนกันเรื่องการใช้เงินข้ามถิ่นได้หรือไม่ หรือการใช้เงินในระยะเวลา 6 เดือน
ส่วนกรณีที่มี สส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุถึงจำนวนเงินที่จะใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมากถึง 4.8 ล้านล้านบาทนั้น ขอยืนยันว่าไม่ใช่ 4.8 ล้านล้านบาท ซึ่งจะขอแถลงข่าวเพียงครั้งเดียว รวมถึงเรื่องที่มาที่ไปของเงินให้จบ เพราะหากยังไม่เรียบร้อยจะสร้างความไม่เข้าใจให้เกิดขึ้น
นายเศรษฐา กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านออกมาท้วงติงว่าโครงการนี้อาจเกิดความเสียหายซ้ำรอยโครงการรับจำนำข้าวนั้นว่า ตนก็รับฟัง โดยจะพยายามรัดกุมรอบคอบไม่ให้เกิดการทุจริตในทุกเรื่องในทุกขั้นตอน ซึ่งมีคณะทำงานและคณะอนุกรรมการดูแล
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้มีมติให้เชิญกระทรวงการคลังและผู้แทนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการในวันพฤหัสบดีที่ 19 ต.ค.เวลา 9.30 น. ซึ่งนอกจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน ธปท.และนักวิชาการจากหลายสถาบันกำลังติดตามแล้ว กรรมาธิการของสภา ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การไปปลุกประชาชนที่เห็นด้วยให้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับฝ่ายที่เห็นต่างเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นการปลุกประชาชนออกมาชนกันแล้ว ยังเหมือนไปเอาประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์กำบังความรับผิดชอบประชานิยมในอนาคตให้กับพรรคการเมืองและรัฐบาลด้วย
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคปชป. กล่าวว่า นายกฯ ควรรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน ทั้งคนที่เห็นด้วย และคนที่เห็นต่าง แต่ควรรับฟังคนที่เห็นต่างอย่างจริงจัง เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจให้ละเอียดรอบคอบมากที่สุด และนายกฯ ต้องเข้าใจว่าท่าทีการแสดงออกของนายกฯ ที่บอกว่า อ้อนประชาชน กับปลุกประชาชน เป็นเส้นแบ่งบางๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการทำนโยบายให้ประสบผลสำเร็จ และไม่ส่งผลดีต่อความน่าเชื่อถือต่อนายกฯ แต่อย่างใด
"นายกฯ ควรอดทน อดกลั้น ต่อความเห็นต่าง พร้อมกับอธิบายความสร้างความเข้าใจให้ถึงที่สุด เพื่อนำไปสู่จุดหมายปลายทางที่นายกฯ ตั้งเป้าหมายไว้" นายองอาจ กล่าว