นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (กก.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเงิน การคลัง สถาบันการเงิน และตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า อยากให้รัฐบาลทบทวนประเด็นเงื่อนไขกำหนดรัศมีการใช้ระยะ 4 กิโลเมตร เนื่องจากมีประชาชนพักอาศัยอยู่นอกเขตทะเบียนบ้านจำนวนมาก
โดยในเรื่องนี้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่า รัศมีการใช้ระยะ 4 กิโลเมตร ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขแล้ว แต่จะใช้อย่างไรยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการหาข้อสรุปในคณะอนุกรรมาธิการฯ ชุดที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้แต่งตั้ง
นอกจากนี้ กมธ.ได้มีการสอบถามถึงข้อสรุปความคุ้มค่าของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อเปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่ง รมช.คลัง จะรับเรื่องความคุ้มค่าไปพิจารณาด้วย
ส่วนกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการจัดทำแอปพลิเคชั่นใหม่ เพื่อใช้แจกดิจิทัลวอลเล็ตนั้น นายวรภพ กล่าวว่า ในการหารือกันไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ แต่ตนและพรรคก้าวไกล ยืนยันว่าแอปพลิเคชั่น "เป๋าตัง" สามารถใช้ในโครงการนี้ได้เลย เพื่อความรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องสร้างแอปฯ ใหม่ให้ซ้ำซ้อน
ด้านนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงการจัดทำแอปพลิเคชั่นรองรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า ทางออกเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีควรใช้แอปฯ เป๋าตัง ของธนาคารกรุงไทย (KTB) ที่มีอยู่แล้ว ไม่ควรไปสร้างแอปฯ ใหม่ เพราะต้องเสียเงินถึง 2 ต่อ ทั้งค่าสร้างระบบใหม่ และค่าบริหารดำเนินการรายปี
"การใช้แอปเป๋าตัง ไม่ต้องอายหรือถือว่าเสียหน้า อะไรดีควรต่อยอดใช้ต่อ ตอนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่เคยไปล้มเลิกโครงการรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ทั้งเรื่อง 30 บาท และกองทุนหมู่บ้าน" นายสมชาย ระบุ
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวอยากให้ยกเลิกโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และนำเงิน 5.6 แสนล้านบาทไปใช้ทำอย่างอื่น แต่หากไม่ยกเลิกก็ควรต้องปรับรูปแบบวิธีการดำเนินการ ลดจำนวนคนเข้าร่วมโครงการ 56 ล้านคน ไม่แจกแบบหว่านแห แต่แจกเงินให้เฉพาะคนมีรายได้น้อยเท่านั้น ยึดตัวเลขจากคนจนที่มาลงทะเบียนในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 16 ล้านคนเป็นหลัก ก็จะใช้งบเพียงแค่ 1.6 แสนล้านบาท โอนเงินเข้าบัญชีคนเหล่านี้โดยตรง อาจจะโอนให้รายเดือนๆละ 1,000 บาท ไม่ต้องจ่ายทีเดียว 10,000 บาท
ส่วนเงินที่เหลืออีก 4 แสนล้านบาท ให้เอาไปจ้างนักศึกษาจบใหม่ ไปทำงานในหมู่บ้าน 76,000 หมู่บ้าน ไปสำรวจวิเคราะห์ข้อมูล ความยากจนประชาชนแต่ละหมู่บ้าน 1 ปี ทำแผนเสนอแนวทางแก้ปัญหาความยากจนเสนอต่อรัฐบาล รวมถึงนำเงินไปจ้างชาวบ้านสร้างฝายกั้นน้ำ ขุดบ่อ สร้างถนน จะเกิดรายได้หมุนเวียน ไม่สูญเปล่า
พร้อมมองว่า วิธีกระตุ้นเศรษฐกิจสามารถทำได้หลายวิธี ไม่จำเป็นต้องแจกเงินอย่างเดียว เศรษฐกิจประเทศขณะนี้เติบโตเป็นตัว K มีทั้งขึ้นและลง ต้องเน้นช่วยคนข้างล่าง 16 ล้านคน ให้เงยหน้าได้ โดยการจ้างงาน จะเกิดการหมุนเวียนเงินใน 76,000 หมู่บ้าน
"สิ่งที่อยากให้รัฐบาลตอบคำถามยืนยันให้ชัดเจนคือ แหล่งที่มาของงบประมาณ ที่ระบุว่าส่วนหนึ่งต้องไปหาทางเกลี่ยงบประมาณบางโครงการที่ไม่จำเป็น เช่น การจัดซื้อจัดจ้างขนาดใหญ่ อาจต้องเลื่อนออกไปนั้น อาจไปกระทบต่อการชะลอโครงการรถไฟรางคู่ โครงการแลนด์บริดจ์ หรือถึงขั้นไปตัดงบประมาณอื่น เช่น เบี้ยยังชีพคนชรา เบี้ยคนพิการหรือไม่ รัฐบาลควรเคลียร์ให้ชัดเจน จะไม่มีการตัดงบประมาณเหล่านี้ ถ้าต้องไปตัดงบเหล่านี้เชื่อว่าประชาชนคงไม่เห็นด้วยแน่ เพราะคิดว่าจะได้เงินเพิ่มเติม ไม่ใช่ได้เงินก้อนใหม่มา แต่ต้องเสียเงินก้อนเดิมที่เคยได้อยู่" นายสมชาย กล่าว