นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานฯ และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน ก.ย.66 อยู่ที่ 97,476 คัน ลดลง 2.90% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 11.33% จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 84,924.82 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 6.75%
ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) มียอดส่งออกรวมทั้งสิ้น 821,899 คัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 16.34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีมูลค่า 702,821.49 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่น
"ยอดส่งออกปีนี้น่าจะได้ตามเป้า 1.05 ล้านคัน แต่เป็นห่วงสถานการณ์การสู้รบในตะวันออกลางจะลุกลามบานปลาย" นายสุรพงษ์ กล่าว
ขณะที่การผลิตในเดือน ก.ย.66 อยู่ที่ 164,093 คัน ลดลง 8.45% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปีก่อนมีฐานการผลิตสูง โดยมีการเร่งผลิตเพื่อส่งออกหลังได้รับการส่งมอบเซมิคอนดักเตอร์ ประกอบกับแนวโน้มยอดขายในประเทศลดลงจากยอดขายรถกระบะ เนื่องจากการเข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อ และยอดนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาทดแทนรถยนต์สันดาป ขณะที่ช่วง 9 เดือนแรกมียอดการผลิตจำนวนทั้งสิ้น 1,385,971 คัน เพิ่มขึ้น 1.61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือน ก.ย.66 อยู่ที่ 62,086 คัน ลดลง 16.27% จากเดือนเดียวกันปีก่อน โดยยอดขายรถกระบะลดลง 45% จากความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินจากหนี้ครัวเรือนสูงซึ่งลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน ต.ค.65 ส่งผลให้ช่วง 9 เดือนแรกมียอดขายทั้งสิ้น 586,870 คัน ลดลง 7.39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ส.อ.ท.ปรับประมาณการผลิตรถยนต์ปีนี้ใหม่เหลือแค่ 1.85 ล้านคัน ลดลงจากเป้าเดิม 1.9 ล้านคัน โดยคงเป้าการผลิตเพื่อส่งออกที่ 1.05 ล้านคัน แต่ปรับลดยอดผลิตเพื่อขายในประเทศลดลงเหลือ 8 แสนคัน จากเดิม 8.5 แสนคัน
"แนวโน้มการส่งออกของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้คาดว่ายังขยายตัวไปได้ดี เมื่อดูจากการเติบโตของประเทศคู่ค้า ทั้งออสเตรเลีย สหรัฐฯ และเม็กซิโก แต่ยอดขายในประเทศลดลงต่อเนื่องจึงต้องมีการปรับเป้าการผลิตปีนี้ลดลง" นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ยานยนต์ไฟฟ้ามีอัตราการเติบโตที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางต่างประเทศ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของบอร์ดอีวีกำหนดไว้ ทั้งรถยนต์นั่ง รถจักรยานยนต์ รถสามล้อ รถโดยสาร และรถบรรทุก
โดยยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV เดือน ก.ย.66 อยู่ที่ 8,904 คัน เพิ่มขึ้น 302.90% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนสะสม 67,929 คัน เพิ่มขึ้น 411.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าประเภท HEV เดือน ก.ย.66 อยู่ที่ 6,227 คัน ลดลง 7.31% จากเดือนเดียวกันปีก่อน และช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนสะสม 65,423 คัน เพิ่มขึ้น 31.34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าประเภท PHEV เดือน ก.ย.66 อยู่ที่ 1,016 คัน ลดลง 6.19% จากเดือนเดียวกันปีก่อน และช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนสะสม 9,534 คัน เพิ่มขึ้น 8.44% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ทั้งนี้ นับถึงสิ้นเดือน ก.ย.66 มียานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV จำนวนทั้งสิ้น 99,736 คัน เพิ่มขึ้น 305.93% จากปีก่อน, ประเภท HEV จำนวนทั้งสิ้น 324,270 คัน เพิ่มขึ้น 31.94% จากปีก่อน และ ประเภท PHEV จำนวนทั้งสิ้น 51,846 คัน เพิ่มขึ้น 30.98% จากปีก่อน