ผู้เลี้ยงสุกรไทย ขอนายกฯ ช่วยเร่งแก้ปัญหาราคาหมูหน้าฟาร์มตกต่ำ ล่าสุดดิ่งเหลือ กก.ละ 50 บาท ต่ำกว่าก่อนเกิดโรคระบาด ASF ผู้เลี้ยงกระอัก ขาดเงินทุนหมุนเวียน บางส่วนเลิกกิจการ เร่งภาครัฐหาทางออกด้านราคา คู่ขนานกับปราบปรามหมูเถื่อน พร้อมส่งเสริมอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรไทยอย่างยั่งยืน
นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดของผู้เลี้ยงหมูขณะนี้ คือราคาหมูตกต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปี โดยราคาขายจริงเฉลี่ยหมูมีชีวิตหน้าฟาร์ม ลดเหลือ 50 บาท/กิโลกรัม เทียบกับต้นทุนการผลิต 80-85 บาท/กิโลกรัม เฉลี่ยขาดทุนตัวละประมาณ 2,000-3,000 บาท/ตัว นับว่าปัจจุบันเป็นช่วงที่ราคาต่ำสุดเทียบกับปี 63 ก่อนที่ไทยจะเจอปัญหาโรคระบาด ASF ขณะนั้นราคาหน้าฟาร์มเฉลี่ยอยู่ที่ 68-80 บาทต่อกิโลกรัม
"ขณะนี้ เกษตรกรขาดเงินทุนหมุนเวียนเพื่อนำไปใช้จ่ายในการบริหารจัดการฟาร์ม ประกอบกับธนาคารมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย จากปัจจัยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ทั้งราคาตกต่ำ ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสูง ทำให้การกู้เงินของผู้เลี้ยงยากขึ้น และมีต้นทุนสูงขึ้นและไม่มีอำนาจต่อรอง เป็นอุปสรรคต่อการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์รุ่นต่อไป ทำให้เกษตรกรตัดสินใจเลิกอาชีพทำฟาร์มเลี้ยงหมู" นายสิทธิพันธ์ กล่าว
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 64 จนถึงปัจจุบัน ผู้เลี้ยงสุกรไทยประสบปัญหาใหญ่ 3 ด้านหลัก คือ
1. ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับสูงขึ้น 30% (โดยเฉพาะช่วงสงครามรัสเซีย-ยูเครน)
2. พบโรคระบาด ASF ทำให้ลูกสุกรขุนและแม่พันธุ์หายไป 50%
3. หมูเถื่อน มากกว่า 40,000 ตัน ถูกลักลอบนำเข้ามาบิดเบือนกลไกราคา และกลไกตลาดในประเทศ ขายกดราคาต่ำมากจนหมูไทยไม่สามารถแข่งขันได้ ทำให้อุตสาหกรรมสุกรไทยประสบปัญหามาอย่างต่อเนื่อง
นายสิทธิพันธ์ กล่าวว่า ผู้เลี้ยงหมูขอเรียกร้องให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผลักดันให้คณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ (Pig Board) เดินหน้าโครงการรักษาเสถียรภาพราคาสุกร ให้สามารถขายหมูได้ตามโครงสร้างต้นทุนการผลิตเร่งด่วน เพื่อดูแลแก้ปัญหาราคาตกต่ำอย่างจริงจัง ก่อนที่ผู้เลี้ยงทั่วประเทศจะต้องเลิกอาชีพหมดทางทำมาหากิน และอาจทำให้ผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ กระทบต่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศในอนาคตได้
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา เกษตรกรในหลายจังหวัด เช่น กระบี่ ตรัง สงขลา ขอนแก่น ร้อยเอ็ด ยโสธร สุรินทร์ บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ และมหาสารคาม ออกมาเรียกร้องขอให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาราคาสุกรตกต่ำต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ราคาสุกรหน้าฟาร์ม เป็นราคาต่ำที่สุดในรอบ 20-30 ปี และทำให้แบกขาดทุนสะสมนานหลายเดือน
ดังนั้น จึงเสนอให้รัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาแก้ปัญหาต้นน้ำของผู้เลี้ยง คือ ต้นทุนวัตถุดิอาหารสัตว์ และขอให้พิกบอร์ดเร่งดำเนินโครงการรักษาเสถียรภาพราคาตามโครงสร้างต้นทุน และเร่งปราบปรามหมูเถื่อนให้หมดสิ้นโดยเร็ว ซึ่งเกษตรกรต้องบริหารจัดการฟาร์มหลายด้านเพื่อความอยู่รอด เช่น การจับหมูก่อนกำหนดไปทำหมูย่าง, ปลดลูกหมูขุนบางส่วนเพื่อทำหมูหัน เป็นต้น เพื่อให้มีสภาพคล่องเลี้ยงฟาร์ม
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การปราบปรามหมูเถื่อนมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วมาก หลังนายกฯ เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ กรมการค้าภายใน กรมสอบสวนคดีพิเศษ และตำรวจ สั่งการให้เร่งรัดการปราบปรามอย่างจริงจัง ตลอดจนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายถึงยึดทรัพย์ รวมถึงการตรวจสอบการทำงานของข้าราชการที่เกี่ยวข้อง หากพบมีการเอื้อประโยชน์ให้กับสินค้าไม่ถูกกฎหมายให้เอาผิดทางวินัยทันที นอกจากนี้ ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ตรวจค้นห้องเย็นทั่วประเทศ เพื่อตรวจสต็อกที่อาจมีการซุกซ่อนเนื้อสัตว์ผิดกฎหมายไว้
"ผู้เลี้ยงหมูไทย ฝากความหวังไว้กับรัฐบาล ที่จะช่วยตัดตอนหมูเถื่อน และลดอุปสรรคในการพัฒนาอุตสาหกรรมสุกร ให้สามารถแข่งขันได้ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากล" นายสิทธิพันธ์ กล่าว