นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือนก.ย. 66 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่องทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในด้านต่างๆ
- เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง ในเดือนก.ย. 66 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 10.2%
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในเดือนก.ย. 66 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 58.7 จากระดับ 56.9 ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ และรายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนก.ย. 66 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 3.5% ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนก.ย. 66 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -5.0% และ -4.4% ตามลำดับ แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 4.8% และ 1.4% ตามลำดับ
- เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนก.ย. 66 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 4.9% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -2.0% ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ในเดือนก.ย. 66 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -28.2%
สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนก.ย. 66 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 4.0% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -2.0% ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -1.6% แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 0.5%
- มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนก.ย. 66 อยู่ที่ 25,476.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2.1% และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า เพิ่มขึ้นที่ 1.0% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของสินค้าในหมวดหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ อุปกรณ์กึ่งตัวนำฯ เครื่องโทรศัพท์อุปกรณ์และส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ โดยขยายตัว 46.4% 28.8% 23.9% และ 3.3% ตามลำดับ
นอกจากนี้ สินค้าในหมวดผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง ข้าว สิ่งปรุงรสอาหาร ผักกระป๋องและผักแปรรูป และน้ำตาลทราย ขยายตัว 166.2% 51.4% 27.1% 17.3% และ 16.3% ตามลำดับ อย่างไรก็ดี การส่งออกยางพารา เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ และอาหารสัตว์เลี้ยงชะลอตัว
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวดีขึ้นในตลาดฮ่องกง จีน อินเดีย และอาเซียน (5) ที่ขยายตัว 80.4% 14.4% 4.4% และ 4.1% ตามลำดับ รวมทั้งกลุ่มตลาดอื่นๆ ที่ขยายตัวได้ดี อาทิ กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (Commonwealth of Independent States: CIS) ที่ขยายตัว 33.9% อย่างไรก็ดี ตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยูโรโซน ลดลงจากเดือนก่อน
- เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนจากภาคเกษตร และภาคบริการ โดยภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ในเดือนก.ย. 66 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2.0% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 1.6% จากการขยายตัวของผลผลิตในหมวดปศุสัตว์ โดยเฉพาะสุกร ไก่เนื้อ และหมวดไม้ผล
สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนก.ย. 66 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 90.0 จากระดับ 91.3 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากมีความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว
ส่วนภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนก.ย. 66 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 2.13 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 69.2% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 1.0% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ตามลำดับ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนก.ย. 66 จำนวน 19.5 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 15.9% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -10.3%
เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนก.ย. 66 อยู่ที่ 0.30% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.63% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนส.ค. 66 อยู่ที่ 61.8% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนก.ย. 66 อยู่ในระดับสูงที่ 211.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ