สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนก.ย. 66 อยู่ที่ระดับ 91.60 ลดลง 6.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนไตรมาส 3/66 ลดลงเฉลี่ย 6.19% ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปี 66 อยู่ที่ระดับ 94.31 ลดลง 5.09% หลังการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมชะลอตัว สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง และค่าเงินบาทอ่อนค่าลง กดดัน GDP ภาคอุตสาหกรรมปีนี้คาดหดตัว 2.5-3.0% และ MPI ปี 66 หดตัว 4.0-4.5%
ด้านอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนก.ย. อยู่ที่ 58.02% และ 9 เดือนแรกอยู่ที่ 59.83% ส่วนไตรมาส 3/66 อยู่ที่เฉลี่ย 58.01%
นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการ สศอ. เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือนก.ย. 66 หดตัว ได้แก่
1. การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่ยังชะลอตัว สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง จากความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ยังยืดเยื้อ รวมถึงโครงสร้างการส่งออกของภาคการผลิตไทย ที่อาจไม่ตอบสนองความต้องการของโลกในยุคปัจจุบัน
2. การอ่อนค่าของเงินบาท ค่าเงินบาทในเดือนก.ย. 66 อ่อนค่าลง 4.23% หรือประมาณ 1.50 บาท/ดอลลาร์ โดยมีเงินทุนไหลออกประเทศ จากความกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้ราคาวัตถุดิบนำเข้าเพิ่มสูงขึ้น
3. เศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวช้า โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนทางการเงินและภาระหนี้ของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยว 9 เดือนแรก ปี 66 อยู่ที่ 20 ล้านคน ขยายตัว 254.98% ทำให้ความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ น้ำตาล การแปรรูปและการถนอมผลไม้และผัก ผลิตภัณฑ์นม เบียร์ และเนื้อไก่แช่แข็งและแช่เย็น
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตในเดือนก.ย. 66 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่
- พลาสติกและยางสังเคราะห์ขั้นต้น ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.35% จาก Polyethylene resin, Ethylene และ Polypropylene resin เป็นหลัก โดยในปีก่อนมีการลดการผลิตเนื่องจากมี Over supply ในตลาดโลก และมีการหยุดซ่อมบำรุงของผู้ผลิตบางราย
- น้ำตาล ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 74.64% จากน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์และน้ำตาลทรายขาว เป็นหลัก ตามความต้องการของตลาดส่งออก และตลาดในประเทศ ซึ่งการงดส่งออกน้ำตาลของประเทศอินเดียจะส่งผลให้ไทยได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น สำหรับตลาดในประเทศขยายตัวตามกิจกรรมเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง และมีคำสั่งซื้อของผู้รับซื้อรายใหญ่
- สายไฟและเคเบิลอื่นๆ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 29.52% จากสายไฟฟ้าเป็นหลัก เนื่องจากมีรอบคำสั่งซื้อจากการไฟฟ้านครหลวง ส่วนภูมิภาค และฝ่ายผลิต รวมถึงงานโครงการของภาครัฐและเอกชนมากขึ้น
- เส้นใยประดิษฐ์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 33.12% จากเส้นใยประดิษฐ์อื่นๆ และเส้นใยโพลีเอสเตอร์ จากคำสั่งซื้อของตลาดส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น อินเดีย และจีน เพื่อนำไปผลิตเป็นชิ้นส่วนต่างๆ (หลังคา เบาะ หรือสายพานต่างๆ) และเสื้อผ้ากีฬา
- แปรรูปและการถนอมผลไม้และผัก ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.84% จากข้าวโพดหวานกระป๋อง กะทิ และน้ำผลไม้ เป็นหลัก โดยข้าวโพดหวานกระป๋อง ได้รับคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่องจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ส่วนกะทิ ลูกค้ากลับมามีคำสั่งซื้อหลังชะลอตัวในช่วงก่อนหน้า และน้ำผลไม้ มีการเร่งผลิตหลังเริ่มต้นฤดูเก็บเกี่ยวสับปะรดรอบใหม่
นางวรวรรณ กล่าวว่า หลังจาก 9 เดือนแรก ปี 66 ดัชนี MPI ลดลง 5.09% ส่งผลให้ สศอ. ปรับประมาณการดัชนี MPI ปีนี้เป็นน -4.0 ถึง -4.5% จากประมาณการเดิมคาด -2.8 ถึง -3.8% ด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ภาคอุตสาหกรรม -2.5 ถึง -3.0% จากประมาณการครั้งก่อนที่คาดว่า -1.5 ถึง -2.5% จากเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และความขัดแย้งระหว่างประเทศยังยืดเยื้อ
ส่วนในไตรมาส 4/66 คาด MPI หดตัวอยู่ที่ 1.6% จากปัจจัยภาคการท่องเที่ยว ประกอบกับการลดราคาพลังงาน และค่าไฟจากภาครัฐ ซึ่งปัจจัยเรื่องการลดค่าไฟจะหนุนให้ MPI ของเดือนต.ค. ดีขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ดี แม้ไตรมาส 4/66 จะปรับตัวดีขึ้น แต่ไม่ได้ส่งผลต่อภาพรวมของทั้งปีมากนัก
อย่างไรก็ตาม การเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทยภาพรวมเดือนต.ค. 66 ส่งสัญญาณเฝ้าระวังในช่วงขาลง จากปัจจัยภายในประเทศชะลอตัวตามการลงทุนและความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง โดยดัชนีการลงทุนภาคเอกชนของไทยหดตัวลง จากการนำเข้าสินค้าทุน รวมถึงพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้าง และยอดจดทะเบียนรถยนต์เชิงพาณิชย์ใหม่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
ด้านดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม 3 เดือนข้างหน้า ชะลอตัวในช่วงขาลง จากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว การอ่อนค่าของเงินบาท และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ยังไม่มีความชัดเจน ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังมีทิศทางชะลอตัว และส่งสัญญาณเฝ้าระวังต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มในปี 67 MPI มีสัญญาณบวกจากกลุ่มที่มีการส่งเสริมลงทุนไปก่อนหน้านี้ อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่คาดว่าจะเริ่มผลิตในช่วงต้นปีหน้า
"ในเดือนพ.ย. จะมีการคาดการณ์ MPI และ GDP อีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการคาดการณ์แบบตัวเลข ไม่ใช่แบบช่วงๆ ที่เคยคาดการณ์ไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากเดือนหน้าน่าจะเห็นภาพชัดขึ้นแล้ว" นางวรวรรณ กล่าว