น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพนธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนกันยายน 2566 อยู่ในทิศทางฟื้นตัว โดยกิจกรรมในภาคบริการฟื้นตัวต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประกอบกับมูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำปรับเพิ่มขึ้นในหลายหมวดสินค้า ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมทรงตัว ขณะที่อุปสงค์ในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนชะลอลงหลังจากเร่งไปในช่วงก่อนหน้า สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากทั้งรายจ่ายของรัฐบาลกลางและการลงทุนรัฐวิสาหกิจ
- จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามจำนวนนักท่องเที่ยวในเกือบทุกสัญชาติ โดยเฉพาะ 1) เกาหลีใต้ และอินเดีย ที่มีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน 2) ตะวันออกกลาง และยุโรป ที่กลับมาขยายตัวหลังจากที่ชะลอไปในช่วงก่อนหน้า และ 3) จีน ที่ส่วนหนึ่งได้รับผลดีจากมาตรการยกเว้นการยื่นวีซ่าในช่วงปลายเดือน สำหรับรายรับภาคการท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวและอัตราการเข้าพักแรมที่เพิ่มขึ้น
- มูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยปรับดีขึ้นในหลายหมวด อาทิ 1) การส่งออกเครื่องประดับไปฮ่องกงที่ได้รับผลดีในช่วงที่มีงานจัดแสดงสินค้า
- มูลค่าการนำเข้าสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนในทุกหมวดสินค้าหลัก โดยเฉพาะการนำเข้า 1) วัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง จากเชื้อเพลิงและชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวัสดุโลหะ 2) สินค้าทุน ตามการนำเข้าคอมพิวเตอร์ เพื่อรองรับอุปสงค์ในอุตสาหกรรมดิจิทัล และ 3) สินค้าอุปโภคบริโภค ตามการนำเข้าโทรศัพท์มือถือและรถยนต์ไฟฟ้า หลังเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่
- ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วทรงตัวจากเดือนก่อน โดยการผลิตหมวดอาหารและเครื่องดื่มปรับดีขึ้นตามการผลิตน้ำตาลจากราคาน้ำตาลที่ปรับสูงขึ้น ด้านหมวดฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์เพิ่มขึ้นตามรอบการผลิต รวมถึงหมวดยางและพลาสติกที่เพิ่มตามการผลิตยางแท่ง และยางรัดของ อย่างไรก็ตาม การผลิตหมวดยานยนต์ลดลง จากการผลิตรถกระบะที่ได้เร่งผลิตไปในช่วงก่อนหน้า ประกอบกับสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงหมวดปิโตรเลียมลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นชั่วคราว
- เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงจากเดือนก่อน โดยการลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ลดลงจากยอดจดทะเบียนรถกระบะบรรทุก ตามกิจกรรมในภาคการผลิตที่ยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน และยอดจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศที่ลดลงจากหมวดมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องกำเนิดไฟฟ้า สำหรับการลงทุนในหมวดก่อสร้างลดลงตามยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง หลังเร่งไปมากในเดือนก่อน และพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้าง โดยเฉพาะพื้นที่เพื่อที่อยู่อาศัย และพื้นที่เพื่อการพาณิชย์
- เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงจากเดือนก่อน จากการใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทน ตามยอดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค และปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง หลังจากเร่งไปในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายในหมวดบริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะหมวดโรงแรมและภัตตาคาร สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อภาคครัวเรือนปรับดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจ้างงาน และความเชื่อมั่นผู้บริโภค
- การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนหดตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน จากทั้งรายจ่ายประจำตามการเบิกจ่ายงบกลางเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และจากรายจ่ายลงทุนตามการเบิกจ่ายของหน่วยงานด้านคมนาคมที่เร่งเบิกจ่ายไปแล้ว สำหรับรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจหดตัวตามการเบิกจ่ายในโครงการด้านคมนาคม
"ตอนนี้ยังไม่เห็นผลกระทบจากเหตุการณ์กราดยิงที่ห้างพารากอน โดยอาจจะต้องรอดูข้อมูลเร็วของตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยว แต่มองว่าอาจจะมีผลกระทบบ้างในเรื่องความเชื่อมั่น ซึ่งรัฐบาลเองก็มีมาตรการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวในด้านอื่น ๆ มาเสริม ทั้งมาตรการฟรีวีซ่า และอนาคตอาจจะเป็นช่วงพีคของเรื่องการท่องเที่ยว ดังนั้นจึงอาจจะบอกยากว่าผลกระทบจะมาจากเหตุการณ์นั้นเหตุการณ์เดียว คงต้องรอพิจารณาข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวอีกที ส่วนการบริโภคที่ชะลอลง โดยเฉพาะจากการปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์ หรือสินเชื่อเช่าซื้อของสถาบันการเงินนั้น มีมาสักระยะ ส่วนหนึ่งจากมีการปล่อยสินเชื่อไปค่อนข้างเยอะในช่วงก่อนหน้า ดังนั้นแบงก์ก็อาจจะถึงจุดที่ต้องรักษาสมดุล รักษาความเสี่ยง และการบริโภคภาคเอกชนช่วงที่ผ่านมาก็โตมาเรื่อย ๆ ช่วงนี้ก็อาจชะลอลงบ้าง มองว่าไม่น่าจะมาจากการที่ ธปท. เข้มงวดในการกำกับดูแลส่วนนี้ โดยการกำกับดูแลยังเป็นไปตามปกติ" นางสาวชญาวดี กล่าว
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงจากทุกหมวดหลัก โดยหมวดอาหารสดลดลงจากราคาผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ เนื่องจากมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่หมวดพลังงานลดลงจากมาตรการลดค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมันดีเซลของภาครัฐ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงเล็กน้อยจากราคาอาหารสำเร็จรูปเป็นสำคัญ ด้านตลาดแรงงานยังฟื้นตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากจำนวนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่เพิ่มขึ้นจากทั้งภาคบริการและภาคการผลิต สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลตามดุลการค้า ประกอบกับดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุลลดลงตามรายจ่ายค่าทรัพย์สินทางปัญญา ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับดอลลาร์ สรอ. เฉลี่ยอ่อนค่าลง เนื่องจาก 1) ตลาดปรับเพิ่มการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน 2) ค่าเงินหยวนอ่อนค่าจากเศรษฐกิจจีนที่ยังคงเปราะบาง และ 3) นักลงทุนรอความชัดเจนของนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
ส่วนภาพรวมในไตรมาส 3/66 เศรษฐกิจไทยขยายตัวจากไตรมาสก่อนตามการบริโภคภาคเอกชนและภาคบริการที่ปรับดีขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำเพิ่มขึ้นจากการส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วน และปิโตรเลียมเป็นสำคัญ สอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนปรับลดลงจากหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์หลังจากได้เร่งไปก่อนหน้า ประกอบกับการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงตามหมวดอาหารสดและหมวดเงินเฟ้อพื้นฐาน ขณะที่หมวดพลังงานเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันเบนซิน ด้านตลาดแรงงานฟื้นตัวต่อเนื่อง สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลจากดุลการค้า ประกอบกับดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุลลดลงตามการส่งกลับกำไรและรายจ่ายภาคบริการที่ลดลง
"ในไตรมาส 3/66 เราหวังว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจในภาพรวมจะดีกว่าไตรมาส 2/66 ที่โตได้ค่อนข้างต่ำ แต่ก็ยังมีจุดที่ต้องจับตามองจากการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งน่าจะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นจากการแถลงตัวเลขเศรษฐกิจของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ในวันที่ 20 พ.ย. นี้ แต่เท่าที่ดูจากเครื่องชี้ที่เพิ่งออก ก็มองว่าอาจจะไม่ต่ำกว่าคาดเท่าไหร่ และโดยรวมน่าจะดีกว่าไตรมาส 2" นางสาวชญาวดี กล่าว
อย่างไรก็ดี มองไปข้างหน้า จะเห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในเดือน ต.ค. 66 ยังเห็นทิศทางการฟื้นตัวอยู่ โดยมีแรงส่งสำคัญจากภาคการท่องเที่ยว จากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น สะท้อนจากปริมาณการ Search เกี่ยวกับ Air และ Accommodation ในไทยของต่างชาติ ด้านการส่งออกเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว โดยยังต้องจับตามองทิศทางการส่งออกสินค้าจากกลุ่มอาเซียน ซึ่งอาจจะมีผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยในระยะต่อไป ต้องติดตาม 1) การฟื้นตัวของภาคการส่งออกสินค้า 2) นโยบายของรัฐบาล 3) ผลกระทบของเอลนีโญต่อผลผลิตและราคาสินค้าเกษตร และ 4 ) ผลกระทบจากความขัดแย้งของกลุ่มฮามาส-อิสราเอลต่อราคาพลังงานและอุปสงค์ต่างประเทศ