พาณิชย์ แถลง CPI ต.ค.66 ลดลง 0.31% หดตัวครั้งแรกรอบ 25 เดือน แนวโน้มยังชะลอต่อเนื่อง

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 6, 2023 10:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พาณิชย์ แถลง CPI ต.ค.66 ลดลง 0.31% หดตัวครั้งแรกรอบ 25 เดือน แนวโน้มยังชะลอต่อเนื่อง

กระทรวงพาณิชย์ เผย ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือน ต.ค.66 อยู่ที่ 107.72 ลดลง 0.31% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วไป 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.) เฉลี่ยอยู่ที่ 1.60%

ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เดือน ต.ค.66 อยู่ที่ 104.46 เพิ่มขึ้น 0.66% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้เงินเฟ้อพื้นฐาน 10 เดือนแรกของปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 1.41%

"อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง 0.31% YoY ลดลงครั้งแรกในรอบ 25 เดือน สาเหตุจากการลดลงของราคาสินค้ากลุ่มพลังงาน และสินค้าอุปโภคบริโภค เนื่องจากมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ รวมทั้งเนื้อสุกรและผักสดที่ราคาต่ำกว่าปีที่ผ่านมา" กระทรวงพาณิชย์ ระบุ
พาณิชย์ แถลง CPI ต.ค.66 ลดลง 0.31% หดตัวครั้งแรกรอบ 25 เดือน แนวโน้มยังชะลอต่อเนื่อง

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ในเดือนต.ค.66 ราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลง 0.65% ตามการลดลงของราคาเนื้อสัตว์ อาทิ เนื้อสุกร และไก่สด โดยเฉพาะเนื้อสุกรที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก เนื่องจากเกษตรกรเร่งระบายสุกรในช่วงที่ขายได้ราคา แม้ว่ายังไม่ครบอายุการเลี้ยง นอกจากนี้ผักสด (ต้นหอม ผักบุ้ง แตงกวา) มีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมาก เนื่องจากสภาพภูมิอากาศเอื้อต่อการเพาะปลูกมากกว่าปีที่ผ่านมา

ส่วนราคาสินค้าหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 0.09% ตามการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน (ค่ากระแสไฟฟ้า กลุ่มน้ำมันดีเซล) ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด (ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม) เครื่องใช้ไฟฟ้า (พัดลม เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า) ราคาลดลงต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา จากผลของมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ (จากข้อมูลที่มีการรายงานล่าสุด ก.ย.66) พบว่า อัตราเงินเฟ้อของไทย อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำเป็นอันดับ 8 จาก 130 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และยังคงต่ำที่สุดในอาเซียนจาก 7 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย) ซึ่งอัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัว และเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า แม้จะเห็นอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค.66 ปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 25 เดือน นับตั้งแต่ ส.ค.64 แต่ก็ไม่กังวลในเรื่องของกำลังซื้อประชาชน และไม่กังวลว่าจะนำไปสู่ภาวะเงินฝืด เนื่องจากเศรษฐกิจโดยภาพรวมแล้วยังมีทิศทางที่ดี ไม่ว่าจะเป็นภาคการท่องเที่ยว การส่งออก และตัวเลข GDP

ส่วนผลของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท และการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ที่จะมีต่ออัตราเงินเฟ้อนั้น สนค.ได้เตรียมประเมินผลของทั้ง 2 สถานการณ์ไว้เบื้องต้นแล้ว แต่อย่างไรก็ดี คงต้องรอดูรายละเอียดและความชัดเจนจากทั้งนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต และการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการก่อน จึงจะสามารถให้ความชัดเจนได้ว่าจะมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อมากน้อยเพียงใด

ผู้อำนวยการ สนค. คาดว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของไทยในเดือนพ.ย.66 จะปรับลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบเดือนเดียวกันของปี 65 ตามราคาสินค้าในกลุ่มอาหาร (เนื้อสัตว์ เครื่องประกอบอาหาร) และกลุ่มพลังงาน (ไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง) รวมถึงสินค้าอุปโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพหลายรายการ และต้นทุนการผลิตที่ปรับลดลง จากมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ ประกอบกับฐานราคาในเดือนพ.ย.65 อยู่ระดับสูง จึงมีส่วนทำให้คาดว่าอัตราเงินเฟ้อ พ.ย.66 จะมีแนวโน้มลดลง

อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นจากการท่องเที่ยว การส่งออก และราคาสินค้าเกษตรสำคัญ ทั้งข้าวเปลือก มันสำปะหลัง และยางพาราที่ราคาปรับสูงขึ้นนั้น ส่งผลให้รายได้เกษตรกร และค่าจ้างเฉลี่ยอยู่ในระดับดี รวมทั้งสถานการณ์อุปทานพลังงานที่ยังตึงตัว จากมาตรการจำกัดการผลิตและส่งออกน้ำมันของผู้ผลิตรายสำคัญของโลก และความขัดแย้งในต่างประเทศ อาจส่งผลให้เงินเฟ้อไม่เป็นไปตามที่คาดไว้

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 66 ไว้ที่ 1.0-1.7% หรือมีค่ากลางอยู่ที่ 1.35% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยอยู่ภายใต้สมมติฐานสำคัญ คือ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ปีนี้ ขยายตัว 2.5-3.0% ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปี 75-85 ดอลลาร์/บาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน เฉลี่ยทั้งปี 34.50-35.50 บาท/ดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ