พล.ต.ท. ธนา ชูวงศ์ รักษาราชการแทน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) แถลงผลปฏิบัติการเข้าจับกุมผู้ต้องหา 3 รายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการขายข้อมูลส่วนตัวของคนไทย 15 ล้านรายชื่อให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ
การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 รายเป็นการขยายผลมาจากการจับกุมผู้ต้องหาวิศวกรหนุ่มที่ จ.ภูเก็ต เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งนำข้อมูลส่วนตัวกว่า 2 ล้านรายชื่อไปขายต่อให้ธุรกิจสีเทา ชั้นแรกได้ขยายผลไปจับกุมพ่อค้าคนกลางรับซื้อข้อมูลจากธุรกิจขายอาหารเสริมไปขายต่อให้กับวิศวกรหนุ่ม โดยอ้างว่าได้ซื้อข้อมูลมากกว่า 15 ล้านรายชื่อแล้วนำมาแบ่งขายในดาร์กเว็บ
ปฏิบัติการดังกล่าวได้มีการขยายผลต่อจนพบความเชื่อมโยงนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้เพิ่มเติมอีก 3 ราย รายแรก คือ
1.นายพศิน อายุ 41 ปี เป็นโบรกเกอร์ของบริษัทประกันภัยลักลอบนำข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าคาดว่าจะมีจำนวนนับล้านรายชื่อไปขายให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ เป็นข้อมูลในเชิงลึกที่เกี่ยวกับบัญชีธนาคารด้วย
2.นายณัฐพงษ์ อายุ 28 ปี เป็นโปรแกรมเมอร์ที่พัฒนาโปรแกรม API Bypass Face Scan ไปขายให้กลุ่มมิจฉาชีพเพื่อใช้แก้โค้ดแอปพลิเคชั่นธนาคารให้ยกเลิกเงื่อนไขการสแกนใบหน้าเมื่อมีการโอนเงินมากกว่า 5 หมื่นบาท เพื่อใช้โอนเงินของผู้เสียหายในแต่ละครั้งในจำนวนมาก โดยไม่ต้องแสกนใบหน้า แต่ใช้หมายเลข OTP แทน ซึ่งใช้ได้กับโทรศัพท์บางรุ่น
3.นายยอดชาย อายุ 24 ปี เป็นแอดมินกลุ่มเฟซบุ๊กซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลที่มีจำนวนซื้อขายมากกว่า 15 ล้านรายชื่อ โดยนำข้อมูลมาจากฐานข้อมูลของเว็บพนันออนไลน์มาขายในกลุ่มดาร์คเว็บ
พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 3 รายในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในฐานความผิดเกี่ยวกับการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น การเข้าถึงข้อมูลที่มีมาตรการป้องกันโดยเฉพาะโดยมิชอบ เปลี่ยนแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ และจัดให้มีการเล่นโฆษณาหรือชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนัน จากนี้เจ้าหน้าที่จะสืบสวนขยายผลไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในจำนวนข้อมูลทั้งกว่า 15 ล้านรายชื่อที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนำมาซื้อขายนี้ จากการตรวจสอบพบว่าบางส่วนก็เป็นข้อมูลที่ซ้ำกัน และส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลพื้นฐาน มีเพียงบางส่วนที่เป็นข้อมูลในเชิงลึก ซึ่งในกรณีของโบรกเกอร์ประกันภัยจะขยายผลว่านำข้อมูลออกมาได้อย่างไร และมีใครเกี่ยวข้องอีกบ้าง