นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยภายหลังหารือกับ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย ในประเด็นความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ซึ่งจีนถือว่าเป็นคู่ค้าประเทศสำคัญของไทย เนื่องจากบริษัทจีนลงทุนในประเทศไทยเป็นอันดับ 1 และสินค้าไทยส่งออกไปยังประเทศจีนเป็นอันดับ 2
ผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา สินค้าเกษตรเติบโตอย่างก้าวกระโดดในการส่งออกไปยังจีน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรไทย ได้รับความนิยมถือเป็นที่ต้องการของประชาชนจีนเป็นอย่างมาก โดยในวันนี้ได้หารือความร่วมมือในประเด็นต่างๆ เพื่อขยายโอกาสในทางธุรกิจร่วมกันในประเด็นต่างๆ ดังนี้
1. ขยายตลาดสินค้าเกษตรไปยังประเทศจีน และตรวจสอบคุณภาพของสินค้าเกษตร จึงได้ริเริ่มให้มีการดำเนินงานร่วมระหว่างบริษัทลูกของ ปตท. (GML) กับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) เพื่อให้มั่นใจในการส่งสินค้าเกษตรคุณภาพไปยังจีน ซึ่งทูตจีนพร้อมสนับสนุน และแจ้งว่าสินค้าเกษตรของไทย โดยเฉพาะผลไม้ เช่น ทุเรียน เป็นที่ชื่นชอบของประชาชนจีนอย่างมาก
ทั้งนี้ ความร่วมมือจากเส้นทางรถไฟ "ไทย ลาว จีน" จะช่วยส่งเสริมและผลักดันสินค้าเกษตรไปถึงมือประชาชนจีนอย่างกว้างขวาง และเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
2. ความร่วมมือในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดตามนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เช่น ผลักดันให้ไทยให้เป็นศูนย์กลางของฐานการผลิตรถ EV ของอาเซียน ซึ่งทูตจีนได้แจ้งว่า ปัจจุบันภาคเอกชนที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนได้ทยอยเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลไทยพร้อมจะสนับสนุนให้เข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถ EV และสินค้าที่เกี่ยวโยงส่งออกสู่ตลาดในอาเซียนต่อไป
3. ความร่วมมือในการพัฒนาทุนมนุษย์ของไทย เพื่อรองรับอุตสาหกรรมที่ต้องการแรงงานทักษะสูง ซึ่งทูตจีนพร้อมยินดีสนับสนุน และแจ้งว่า ปัจจุบันทางจีนก็มีการอบรมบุคลากรในอุตสาหกรรมรถไฟความเร็วสูงที่จังหวัดอยุธยา รวมทั้งมีการพัฒนาฝีมือแรงงานด้านดิจิตอลกับกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
"จากการหารือวันนี้กับท่านทูตจีน เป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะขยายความร่วมมือกัน ผลักดันเศรษฐกิจของไทยและจีนให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน" ผู้แทนการค้าไทย กล่าว