นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และการเมือง พรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น่าเป็นห่วงภาวะเงินเฟ้อของไทยเดือนต.ค. ซึ่งอยู่ที่ -0.31% เป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 25 เดือน หลังจากที่เงินเฟ้อของไทยขยายตัวต่ำมา 5 เดือนติดต่อกันก่อนหน้านี้ ทั้งที่ช่วงเวลาดังกล่าว ราคาน้ำมันสูงขึ้น แต่เงินเฟ้อกลับต่ำ
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่เงินเฟ้อไทยจะติดลบต่อเนื่อง โดยในเดือนพ.ย. และธ.ค. คาดกันว่าจะติดลบที่ -0.35% และ -0.42% ตามลำดับ ในขณะที่เงินเฟ้อในโลกยังสูงมาก เช่น ในสหรัฐ เงินเฟ้อยังสูงที่ 3.7% ยุโรป ยังอยู่ที่ 4.3% เป็นต้น
นายพิชัย กล่าวว่า การที่เงินเฟ้อต่ำจนติดลบ และน่าจะติดลบต่อเนื่องนี้ เป็นสัญญาณอันตรายว่า คนไทยขาดกำลังซื้อ เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะเงินฝืด (Deflation) และอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้
ทั้งนี้ ประเทศที่กำลังประสบปัญหาเหมือนไทย คือ ประเทศจีนที่มีเงินเฟ้อติดลบเช่นกัน สาเหตุมาจากกำลังซื้อของคนจีนลดลง จากปัญหาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่มีปริมาณล้นเกินมาก ทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ของจีนแทบทุกบริษัทมีปัญหาหนัก เกิดหนี้เสียในระบบจำนวนมาก ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนจีนลดลงมาก ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศจีน และทำให้นักท่องเที่ยวจีนจึงมาเที่ยวไทยน้อยกว่าที่คาดกันมาก และการส่งออกของไทยไปจีนก็ลดลงเช่นกัน
นายพิชัย กล่าวว่า จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ปรากฏ และเศรษฐกิจไทยในปี 66 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ต่ำกว่าคาดการณ์มาก ซึ่งน่าจะขยายได้ไม่ถึง 2% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายได้ 3.5% และปรับลดมาเหลือ 2.7% แต่คงจะไม่ถึง ประกอบด้วยสถานะการณ์เศรษฐกิจโลกที่สหรัฐอาจจะต้องขึ้นดอกเบี้ยอีก เศรษฐกิจยุโรปที่ยังทรุด เศรษฐกิจจีนที่ยังย่ำแย่ อีกทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซ้ำเติมด้วยสงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาสที่มีแนวโน้มที่จะขยายวงกว้างขึ้น
ดังนั้น ยิ่งทำให้ประเทศไทยต้องหาทางกระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นกำลังซื้อของประชาชน ก่อนที่เศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดและภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ในทางเศรษฐศาสตร์จะแก้ไขได้ยากมาก ขนาดประเทศญี่ปุ่นที่เศรษฐกิจขยายตัวได้ดีที่สุดในรอบ 20 ปี ยังอัดฉีดเงินจำนวนมากเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเลย
นายพิชัย กล่าวว่า จึงอยากให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันคิด และหาทางแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน ก่อนเศรษฐกิจไทยจะทรุดหนัก โดยใน 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยได้ปีละ 1.9% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าศักยภาพมาก หากเป็นเช่นนี้ประเทศไทยจะพัฒนาได้ช้ามาก และจะล้าหลังกว่าประเทศอื่นๆ มาก และประชาชนจะยิ่งลำบากกันมากขึ้น