สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ แถลงผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/66 ขยายตัว 1.5% จากตลาดคาดว่าจะขยายตัวในช่วง 2.0 -2.2% โดยเป็นการขยายตัวชะลอลงจาก 1.8% ในไตรมาส 2/66 เป็นผลจากการส่งออกรวมหดตัวต่อเนื่อง 4 ไตรมาส ตั้งแต่ ไตรมาส 4/65
ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น การใช้จ่ายรัฐบาลยังคงลดลง ปัจจัยหลักมาจากการลดลงของการใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ลดลง ขณะที่การอุปโภคบริโภคของครัวเรือนขยายตัวต่อเนื่อง และการลงทุนของภาคเอกชนที่เร่งขึ้น ส่งผลให้ 9 เดือนปี 66 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 1.9%
"ปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจไทย ในไตรมาส 3/66 ขยายตัวได้ 1.5% มาจากการส่งออกที่หดตัวต่อเนื่อง โดยในปีนี้หดตัวต่อเนื่อง 3 ไตรมาส แต่หากจะนับปีก่อนด้วย ก็จะหดตัวตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 65 รวมแล้วการส่งออกไทย หดตัวต่อเนื่องมา 4 ไตรมาส" นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าว
พร้อมระบุว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/66 ขยายตัว 1.5% ชะลอลงจากการขยายตัวที่ 1.8% ในไตรมาส 2/66 โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการผลิตในประเทศที่ชะลอลง ทั้งภาคเกษตร และนอกภาคเกษตร ประกอบกับการใช้จ่ายภาครัฐบาล การส่งออก และการนำเข้าสินค้ายังคงลดลง ในขณะที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการลงทุนรวม ขยายตัวต่อเนื่อง
ด้านการผลิต ขยายตัวชะลอลงทั้งภาคเกษตรและภาคบริการ ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมลดลง ด้านการใช้จ่าย การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคขั้นสุดท้ายของเอกชนขยายตัวสูง การลงทุนรวมเร่งขึ้น ขณะที่การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคขั้นสุดท้ายของรัฐบาลยังคงลดลง สำหรับภาคต่างประเทศ การส่งออกสินค้าและบริการ ขยายตัวชะลอลง แต่การนำเข้าสินค้าและบริการยังคงลดลง