นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบผลการดำเนินงาน โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แคมเปญ นวัตกรรมเสริมแกร่งถั่วเหลืองไทย เพิ่มรายได้เกษตรกร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
จากนโยบายด้านการเกษตรของรัฐบาล "ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้" ที่มีเป้าหมายให้เกษตรกรไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการผลิตและจำหน่ายสินค้าเกษตรตรงตามความต้องการตลาด นำเทคโนโลยี นวัตกรรมมาใช้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง
นางรัดเกล้า กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการว่าจากการได้พูดคุยกับหลายประเทศทราบว่า ถั่วเหลืองเป็นพืชที่ตลาดโลกต้องการ รวมถึงประเทศไทยต้องพึ่งพาการนำเข้ามากถึง 99% ถั่วเหลืองจึงเป็นพืชที่มีโอกาสทางตลาดอีกมาก และควรส่งเสริมให้มีการผลิตในประเทศเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้เกิดความมั่นคงทางอาหาร
กระทรวงเกษตรฯ ได้สนองต่อแนวทางดังกล่าว จึงนำนโยบายดังกล่าวมาขับเคลื่อน โดยการส่งเสริมการปลูกพืชที่ตลาดมีความต้องการสูง ทดแทนการนำเข้า และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเพิ่มขึ้น ซึ่ง "ถั่วเหลือง" เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหาร เนื่องจากสามารถผลิตหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย นอกจากนี้ยังเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย ช่วยบำรุงดิน โดยประเทศไทยมีความต้องการใช้ถั่วเหลืองมากถึง 3.2 ล้านตันต่อปี ในขณะที่สามารถผลิตถั่วเหลืองได้เพียง 2-3 หมื่นตันต่อปี
โดยกระทรวงเกษตรฯ ได้ร่วมกับสมาคมการค้าผู้ผลิตอาหารจากถั่วเหลืองไทย สมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว รวมทั้งเกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลือง ร่วมกันศึกษา วิเคราะห์ วิจัย นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาส่งเสริมผลผลิตถั่วเหลืองให้ได้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น จนสามารถเพิ่มผลผลิตจาก 267 กิโลกรัมต่อไร่ เพิ่มเป็น 300-400 กิโลกรัมต่อไร่ เป็นผลสำเร็จ เกษตรกรสามารถจำหน่ายได้ราคาสูง ในราคาเฉลี่ย 21-24 บาทต่อกิโลกรัม ได้ผลตอบแทนสุทธิ ไร่ละ 3,500-4,700 บาท ซึ่งมากกว่าผลตอบแทนสุทธิของข้าวเหนียวถึง 2 เท่า
จากการขับเคลื่อนนโยบายและการดำเนินงานข้างต้น จึงได้จัดทำโครงการในแคมเปญ "นวัตกรรมเสริมแกร่งถั่วเหลืองไทย เพิ่มรายได้เกษตรกร" โดยโครงการดังกล่าว ได้คัดเลือกพื้นที่อำเภอแม่ริม และอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเปรียบเสมือนเมืองหลวงของถั่วเหลืองไทยเป็นพื้นที่นำร่องโครงการฯ
โดยยผลสำเร็จจากแคมเปญครั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ จะมีการผลักดัน ส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองไปยังพื้นที่อื่นๆ ของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกถั่วเหลืองสำคัญของไทยต่อไป