น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงภาพรวมการท่องเที่ยวในสัปดาห์นี้ว่า ประเด็นที่ติดตาม คือ สายการบินจีนมีการยกเลิก slot การบิน เนื่องจากการขอ slot ต้องคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน แต่เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ สายการบินจึงจำเป็นต้องคืน slot การบิน ให้สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จองบัตรโดยสารไว้ ซึ่งนักท่องเที่ยวมีจำนวนลดลง โดยเฉพาะกลุ่ม Incentive จากนโยบายรัฐบาลจีนที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ
ขณะเดียวกัน จีนยังมีมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราให้กับ 6 ประเทศ เป็นเวลา 15 วัน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 66 ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน และมาเลเซีย ทั้งนี้ มองว่า การให้วีซ่านี้น่าจะเป็นเรื่องการค้ามากกว่าการท่องเที่ยว เนื่องจากประเทศที่ได้ในยุโรป คือ อิตาลี สเปน เยอรมนี ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ คือ Top 5 ด้านการค้าและความร่วมมือทางด้านวิทยาศาสตร์
ส่วนมาเลเซีย คือ ประเทศที่จีนมีการส่งออกเพิ่มขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการให้ Free Visa หรือ Visa Exemption เรื่องท่องเที่ยวคาดว่าเป็นเรื่องรอง ส่วนเรื่องหลักจะเป็นด้านการค้า การลงทุน และการแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านอื่นๆ โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งทั้งสองประเด็นคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อด้านการท่องเที่ยวของไทย
ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (20-26 พ.ย.) มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 632,936 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 20,032 คน คิดเป็น 3.27% โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 90,420 คน โดยมีปัจจัยที่สำคัญ คือการมีวันหยุดต่อเนื่อง (Labour Thanksgiving Day) ในญี่ปุ่น และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวจีน เกาหลีใต้ และภูมิภาคยุโรป อย่างไรก็ดี ยังคงมีปัจจัยลบ คือปัญหาภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 อันดับแรก พบว่า นักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุดจำนวน 79,998 คน รองลงมา ได้แก่ จีน 78,031 คน รัสเซีย 42,225 คน อินเดีย 38,309 คน และเกาหลีใต้ 36,832 คน
ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-26 พ.ย. 66 มีทั้งสิ้น 24,487,178 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 1,039,530 ล้านบาท
โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 มาเลเซีย 3,988,343 คน รองลงมา คือ จีน 3,053,186 คน เกาหลีใต้ 1,447,187 คน อินเดีย 1,431,487 คน และรัสเซีย 1,253,836 คน ตามลำดับ