ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) วันที่ 12-13 ธ.ค.นี้ คาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25-5.50% อย่างต่อเนื่อง หลังจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ปรับลดลงกว่าคาด และตลาดแรงงานสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณอ่อนแรงลง
ทั้งนี้ แม้เงินเฟ้อสหรัฐฯ จะยังทรงตัวในระดับสูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ 2.0% ค่อนข้างมาก แต่ทิศทางเงินเฟ้อที่ชะลอลงประกอบกับตัวเลขยอดค้าปลีกและการใช้จ่ายผู้บริโภคที่อ่อนแรงลง ก็ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในสหรัฐฯ นอกจากนี้ ในด้านตลาดแรงงานเริ่มสูญเสียโมเมนตัม และกลับสู่จุดสมดุลมากขึ้น
ขณะที่เมื่อมองไปข้างหน้า คาดว่าเฟดจะยังคงมีมุมมองระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไป โดยเฟดคงจะต้องชั่งน้ำหนักระหว่างแรงกดดันเงินเฟ้อที่มีทิศทางทรงตัวในระดับสูง และความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอลงในระยะข้างหน้า
ทั้งนี้ การประชุม FOMC ในรอบที่จะถึงนี้ จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจ และคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า (Fed Dot Plot) ซึ่งคงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม โดยแม้ว่าตลาดส่วนใหญ่มองว่ามีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจปรับลดคาดการณ์ดอกเบี้ยปี 2567 ลงจากคาดการณ์ในรอบที่แล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีหน้ามีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงจากปีนี้
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวในระดับสูง และตลาดแรงงานที่ยังคงค่อนข้างแข็งแกร่ง แม้มีโมเมนตัมชะลอลง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า เฟดจะยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวัง และไม่ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้ามากอย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้
"ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าเฟดอาจพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอย่างเร็วสุด ในช่วงไตรมาส 2/2567 ไปแล้ว เนื่องจากเฟดคงต้องการเห็นตัวเลขเงินเฟ้อ และตลาดแรงงานชะลอลงมากกว่านี้ เพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มกลับสู่เป้าหมายและไม่กลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง" บทวิเคราะห์ระบุ
ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับจังหวะการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ค่าเงินบาทของไทยมีแนวโน้มที่จะยังเผชิญความผันผวนต่อไปในระยะข้างหน้า โดยหากเฟดคงดอกเบี้ยนโยบายยาวนานกว่าคาด ค่าเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ฯ ได้