นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ สรุป 5 อันดับประเทศ ที่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทมากที่สุดในไทย พร้อมประเภทธุรกิจที่สนใจลงทุน โดยข้อมูลล่าสุดในปี 2566 (ม.ค.-พ.ย.) มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 546,855 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการลงทุน เป็นไทย 539,905.40 ล้านบาท คิดเป็น 98.73% และต่างประเทศ 6,950.49 ล้านบาท คิดเป็น 1.27%
ทั้งนี้ หากพิจารณาถึงประเทศที่เข้ามาลงทุน ผ่านการจดทะเบียนนิติบุคคลตามกฎหมายไทยดังกล่าว พบว่าประเทศที่มีมูลค่าการลงทุนผ่านการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1. จีน มูลค่าการลงทุน 1,880.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 233.60% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ย.65 มีมูลค่าการลงทุน 563.72 ล้านบาท)
โดยประเภทธุรกิจทีมีการลงทุนสูงสุด ได้แก่ 1) การผลิตอุปกรณ์ควบคุมและจ่ายไฟฟ้า 634 ล้านบาท 2) การผลิตเหล็กและเหล็กกล้าแผ่น 340 ล้านบาท 3) การผลิตเครื่องจักรอื่นๆ ที่ใช้งานทั่วไป 260 ล้านบาท 4) กิจกรรมงานวิศวกรรมและการให้คำปรึกษาทางเทคนิคที่เกี่ยวข้อง 64.90 ล้านบาท 5) การผลิตเครื่องมือที่ใช้งานด้วยมือและเครื่องโลหะทั่วไป 50 ล้านบาท
2. สิงคโปร์ มูลค่าการลงทุน 703.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 320.66% เมื่อเปรียบเทียบกับเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ย.65 มีมูลค่าการลงทุน 167.27ล้านบาท)
โดยประเภทธุรกิจทีมีการลงทุนสูงสุด ได้แก่ 1) กิจกรรมงานวิศวกรรมและให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้อง 540 ล้านบาท 2) การผลิตเครื่องมือที่ใช้พลังงานขับเคลื่อน 133 ล้านบาท 3) การผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ 5.20 ล้านบาท 4) การผลิตแผ่นไม้บางและผลิตภัณฑ์ไม้ 5 ล้านบาท 5) การผลิตผลิตภัณฑ์เคมีอื่นๆ 5 ล้านบาท
3. จีน-ฮ่องกง มูลค่าการลงทุน 523.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 729.52% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ย.65 มีมูลค่าการลงทุน 63.07 ล้านบาท)
โดยประเภทธุรกิจที่มีการลงทุนสูงสุด ได้แก่ 1) การผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ 514.80 ล้านบาท 2) การผลิตเม็ดพลาสติกและพลาสติกขั้นต้น 3 ล้านบาท 3) กิจกรรมการให้คำปรึกษาทางด้านฮาร์ดแวร์ 3 ล้านบาท 4) การขายส่งเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ชนิดใช้ในครัวเรือน 0.98 ล้านบาท 5) การขายส่งอุปกรณ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 0.98 ล้านบาท
4. เมียนมา มูลค่าการลงทุน 136.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 401.73% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค.- พ.ย.65 มีมูลค่าการลงทุน 27.12 ล้านบาท)
โดยประเภทธุรกิจทีมีการลงทุนสูงสุด ได้แก่ 1) การขายส่งข้าวเปลือกและธัญพืชอื่นๆ 100 ล้านบาท 2) การขายส่งสินค้าทั่วไป 13 ล้านบาท 3) การขายยานยนต์ใหม่ ชนิดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะ รถตู้ และรถขนาดเล็ก 10 ล้านบาท 4) การขายส่งอุปกรณ์ขนส่ง (ยกเว้นยานยนต์ จักรยานยนต์ และจักรยาน) 2 ล้านบาท 5) การขายส่งยางพารา และพลาสติกขั้นต้น 2 ล้านบาท
5. เยอรมนี มูลค่าการลงทุน 99.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,538.97% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ย.65 มีมูลค่าการลงทุน 1.30 ล้านบาท)
โดยประเภทธุรกิจทีมีการลงทุนสูงสุด ได้แก่ 1) การผลิตแบตเตอรี่ และหม้อสะสมไฟฟ้า 90 ล้านบาท 2) กิจกรรมให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการอื่น 1.48 ล้านบาท 3) การซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเอง ที่ไม่ใช่เพื่อเป็นที่พักอาศัย 1.47 ล้านบาท 4) กิจกรรมการทำความสะอาดพื้นผิวภายนอกอาคาร 1.47 ล้านบาท 5) การซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเองเพื่อการพักอาศัย 0.98 ล้านบาท