นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือน พ.ย.66 อยู่ที่ 99,609 คัน เพิ่มขึ้น 13.22% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 89,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.87% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ยอดส่งออก 11 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-พ.ย.66) อยู่ที่ 1,027,234 คัน เพิ่มขึ้น 15.59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 888,455 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายสุรพงษ์ คาดว่า ยอดส่งออกปีนี้น่าจะทะลุเป้าที่ 1.05 ล้านคัน มาแตะ 1.1 ล้านคัน ส่วนปี 2567 มีโอกาสที่จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีนี้
สำหรับยอดการผลิตรถยนต์ในเดือน พ.ย.66 อยู่ที่ 163,337 คัน ลดลง 14.10% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน เพราะฐานการผลิตสูงในปีที่แล้ว จากการได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้น เพราะการระบาดของโรคโควิด-19 ชะลอตัวลง คนทำงานกลับไปทำงานที่สำนักงานมากขึ้น คอมพิวเตอร์และมือถือขายลดลง
ขณะที่จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ย.) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,708,042 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.98%
ด้านยอดจำหน่ายรถยนต์ในเดือน พ.ย.66 อยู่ที่ 61,621 คัน ลดลง 9.76% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน เพราะยอดขายรถกระบะลดลง 38.8% เป็นผลจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของธนาคาร เพราะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ตั้งแต่ 11 เดือนแรกของปีนี้ มียอดจำหน่ายรถยนต์รวมทั้งสิ้น 707,454 คัน ลดลง 7.71% จากช่วงเดียวกันของปี 2565
โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. กล่าวถึงสถานการณ์การจดทะเบียนใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้าในเดือนพ.ย.66 ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งได้ดังนี้
- BEV จดทะเบียนใหม่ เดือนพ.ย. 11,290 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อน 292.29% ส่งผลให้ช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ มียอดจดทะเบียนใหม่สะสมทั้งสิ้น 89,027 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 391.29%
- HEV จดทะเบียนใหม่ เดือนพ.ย. 7,524 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อน 47.82 คัน ส่งผลให้ช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ มียอดจดทะเบียนใหม่สะสมทั้งสิ้น 79,560 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 32.74%
- PHEV จดทะเบียนใหม่ เดือนพ.ย. 785 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อน 8.31 คัน ส่งผลให้ช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ มียอดจดทะเบียนใหม่สะสมทั้งสิ้น 11,168 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.84%
ทั้งนี้ นับจนถึงวันที่ 30 พ.ย.66 มียานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมในไทย ประเภท BEV รวมทั้งสิ้น 120,713 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 310.56% ส่วนประเภท HEV รวมทั้งสิ้น 338,174คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 32.22% และประเภท PHEV รวมทั้งสิ้น 53,450 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 28.05%
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า จากล่าสุดที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 (EV 3.5) ในช่วง 4 ปีจากนี้ (67-70) เป็นการช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนว่า รัฐบาลมีนโยบายอย่างต่อเนื่องในการสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมรถ EV ในประเทศไทย ทั้งด้านของการส่งเสริมให้ประชาชนใช้รถ EV และการส่งเสริมผู้ประกอบการเข้ามาตั้งโรงงานผลิตรถ EV ในประเทศ อันจะเป็นการทำให้ประเทศไทยได้เป็นศูนย์กลางการผลิตรถ EV ในอาเซียน ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นฐานการผลิตรถยนต์สันดาปที่สำคัญของโลกด้วย
"เหล่านี้ ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และผู้ใช้รถ EV ด้วยว่าจะมีสถานีชาร์จไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ทำให้ในอนาคตจะมีผู้ใช้รถ EV ในไทยเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้รถ EV บางรุ่น ราคาถูกกว่ารถสันดาปบางรุ่นแล้ว...และจากที่นายกฯ ไปพูดคุยเชิญชวนหลายค่ายรถยนต์รายใหญ่ ก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจ ที่จะได้เห็นการเข้ามาลงทุนใหญ่ในไทย ซึ่งเมื่อมีการลงทุนเกิดขึ้นแล้ว จะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และทำให้ประเทศหลุดพ้นเส้นความยากจนได้ในปี 2029" โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. ระบุ